Saturday, August 31, 2013

โยคะแก้ปัญหาสุขภาพ







ออก จากบ้านมาทำงานก็ตั้งแต่เช้ากว่าจะได้กลับบ้านก็ค่ำมืด ในแต่ละวันที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกต้องเจอกับมลภาวะที่เป็นพิษทั้งนั้น ตั้งแต่โดนแสงแดด โดนฝุ่นละออง และควันจากท่อไอเสียของรถ เข้ามาในออฟฟิศก็ไม่วายที่จะเกิดอาการเมื่อยล้าจากสาเหตุต่างๆ หรือที่บางครั้งจะคุ้นเคยกับคำที่เรียกว่า โรคออฟฟิศซินโดรม โดยจะมีอาการปวดคอ ปวดหลัง เพราะปลายเส้นประสาทอักเสบ อาจเกิดจากการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป หรือนั่งเก้าอี้ไม่ถูกสุขลักษณะ แล้วจะทำอย่างไรหากชีวิตโคจรอยู่กับวงเวียนการทำงานในออฟฟิศนานๆ เช่นนี้

ผู้เชี่ยวชาญจาก ทรู ฟิตเนส บอกว่า ออกกำลังกาย การเล่นบิแครมโยคะมีประโยชน์อย่างมากต่ออวัยวะภายในทั้งหมดของร่างกาย เช่น เป็นการกระตุ้นการทำงานของหัวใจในการสูบฉีดโลหิตและออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึง ลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความยืดหยุ่นกับร่างกายและช่วยฝึกฝนการทรงตัวที่ดีขึ้น

         แหม! สรรพคุณเยอะเทียบเท่ากับสมุนไพรไทย สรรพคุณหลากหลายขนาดนี้ท่าออกกำลังกายคงไม่ได้มีอยู่เพียงท่าเดียว เช่น ท่าธนู ทำให้หลัง กระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อหลังแข็งแรง หรือจะเป็นท่าที่ถูกใจสำหรับคนมีห่วงหน้าท้องอย่าง ท่าทูลาดันดาสนะ ช่วยยืดกล้ามเนื้อส่วนหลัง และนวดกระชับหน้าท้อง ท่าสามเหลี่ยมเป็นท่าที่ใช้ทุกส่วนของร่างกาย ทำให้หัวใจและปอดทำงานสัมพันธ์กัน

สุ ทัศนีย์ คุณผลิน หรืออุ้ย เปิดเผยว่า เพิ่งเคยเล่นบิแครมโยคะเป็นครั้งแรก ลองเล่นดูเพราะตอนนี้น้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะขึ้นแล้วลดยาก ไม่อยากออกกำลังกายที่ยิมหรือฟิตเนสเพราะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อมากกว่าลด น้ำหนัก ส่วนโยคะร้อนจะเป็นการสลายน้ำในร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดง่ายกว่า ถ้าได้ผลก็จะลองเล่นต่อไปเรื่อยๆ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการออกกำลังกาย

       ได้ทั้งหุ่นสวยเพรียวกระชับแล้ว ยังได้ฝึกสมาธิอีกด้วย ดีต่อสุขภาพขนานแท้จริงๆเลยนะครับสำหรับการเล่นโยคะ

ที่มา..shape.in.th

การลดน้ำหนักแบบผิดวิธี






การ ลดน้ำหนักต่าง ๆ ที่ผู้คนมักจะเข้าใจผิดกันว่าทำแล้วลดน้ำหนักก็คือการไม่ทานอาหาร แต่หารู้ไม่ว่าการไม่ทานอาหารส่งผลทำให้ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงและเป็นสาเหตุ หนึ่งที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ การลดน้ำหนักให้ถูกวิธีคือการทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และไม่ทานอาหารตอนดึก ไม่ควรนอนดึกเพราะจะทำให้หิว เมื่อกินแล้วนอนเลยทันทีทำให้ไม่ได้เผาผลาญไขมันเลยทำให้เกิดการสะสมไขมันใน ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่เราเรียกว่าอ้วนนั่นเอง

การ ลดน้ำหนักที่ผิดวิธีอีกอย่างหนึ่งคือการทานยาลดความอ้วน การเชื่อสิ่งล่อลวงต่าง ๆ ตามอินเทอร์เน็ตจนอยากสั่งซื้อ เพราะเชื่อว่าถ้าทานแล้วจะทำให้ผอมเร็ว ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย แต่หารู้ไม่ว่าเมื่อเราเมื่อเราทานยาลดความอ้วนไปนานแล้วจะเกิดการเสพติดจน เลิกไม่ได้ ทำให้ร่างกายอ่อนแรงเนื่องจากมีอาการนอนไม่หลับ วิงเวียนศีรษะ ปวดหัว และมีอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอดเวลาหากไม่ได้รับประทานยาลดความอ้วนเหล่านั้น ผลร้ายที่สุดคือการเกิด “โยโย่เอฟเฟ็กต์ Yo-Yo Effect” เครื่องออกกำลังกาย

วิธี การลดน้ำหนักที่ผิดอีกวิธีคือการไม่กินคาร์โบไฮเดรตหรือกินน้อยที่สุดเพื่อ ให้ร่างกายดึงเอาไขมันส่วนเกินมาใช้นั้นก็ไม่ใช่วิธีที่ควรทำ วิธีนี้จะส่งผลให้ร่างกายเกิดกรดชนิดหนึ่งชื่อ “คีโตน” ที่ทำให้กลิ่นลมหายใจและกลิ่นตัวคล้ายกลิ่นผลไม้สุก โดยภาวะกรดจะส่งผลกระทบอวัยวะทุกส่วน ร่างกายเสียสมดุล และเสียบุคลิกภาพ ที่สำคัญเมื่อสภาพร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นกรดจะผล้ายต่อสุขภาพอย่างมากและยิ่ง ช่วยทำให้เซลล์มะเร้งเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น เครื่องออกกำลังกาย

นอก จากนี้ยังมีวิธีลดน้ำหนักส่วนเกินด้วยการกินแล้วถ่ายออกมาโดยใช้ยาถ่าย วิธีนี้ไม่สามารถทำให้น้ำหนักลดลงได้จริง เนื่องจากน้ำตาลและไขมันในอาหารถูกร่างกายดูดซึมไปแล้วในระหว่างการย่อยสลาย ตามกระบวนการในร่างกาย ส่วนความเข้าใจที่ว่าทำดีท็อกซ์เพื่อละลายไขมันนั้นก็ผิดอีกเหมือนกัน เนื่องจากการดีท็อกซ์ช่วยทำความสะอาดลำไส้และแก้ปัญหาท้อง
ผูกเท่านั้น ไม่ได้ช่วยทำให้น้ำหนักลดลงแต่อย่างใดเลย

ที่มา.108suaysai.com

Thursday, August 29, 2013

ขาบิ๊ก สะโพกเบิ้ม สลายได้ด้วยยางยืด






เทคนิคการสลายไขมันเฉพาะที่ช่วยให้สรีระสมส่วนยิ่งขี้น

เมื่อ คุณมีพุงที่ใหญ่ สะโพกของคุณก็มักจะบิ๊กบึ้มตามไปด้วยเช่นกัน แต่ก็มีข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขมาให้คนสะโพกใหญ่ดีใจว่า แม้จะมีไขมันตรงสะโพกมาก แต่ถ้าเทียบกับที่เอวแล้ว คนที่มีไขมันสะสมที่เอวจะอันตรายและควรรีบลดมากกว่ากัน

  เพราะที่เอวจะมีไขมันข้างในเยอะกว่าส่วนอื่น และเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ มากกว่าคนที่ลงพุงหรือไม่มีเอวจึงต้องระวังไว้ให้มากๆ โดยขนาดเอวของคนเอเชียที่เหมาะสมนั้น ผู้ชายไม่ควรเกิน 35 นิ้ว ผู้หญิงไม่เกิน 33 นิ้ว วิธีการลดก็คือต้องลดทุกส่วนในร่างกายโดยเน้นการออกกำลังกาย ที่เอวมากๆหน่อย

           การอ้วนลงพุงเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดตีบตัน สาเหตุสำคัญที่เกิดจากพฤติกรรมการกินโดยเฉพาะการกินอาหารเนื้อล้วน ๆ อาหารรสจัด และขาดการออกกำลังกาย สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเอวใหญ่ สะโพกบิ๊ก หรือขาโต ก็เป็นสัญญาณแห่งความอ้วน ที่จะนำอันตรายมาสู่สุขภาพด้วยกันทั้งสิ้น

          ทุกวันนี้คนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไป เกือบร้อยละ 30 หรือประมาณ 12 ล้านคน มักจะอ้วนลงพุง ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงถึงร้อยละ 50 ส่วนชายพบเพียงร้อยละ 21 ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ลงพุงมากที่สุด เนื่องจากเป็นวัยที่ลูกหลานมักให้พักผ่อนอยู่บ้าน ไม่ให้ทำงาน ซึ่งสามารถนำมาสู่อันตรายได้

รู้ดังนี้แล้ว ก็รีบหยิบยางยืด มาเริ่มต้นลดสะโพกและขากันดีกว่าค่ะ

          ท่าบริหารกล้ามเนื้อ ท้องส่วนล่างและสะโพกด้านหน้า สามารถปฏิบัติได้โดย นอนหงายชันเข่า คล้องยางไว้ที่ข้อเท้าแต่ละข้าง แขนเหยียดอยู่ข้างลำตัว ใช้มือทั้งสองจับที่ปลายยางหรือที่จับแต่ละข้างกดไว้กับพื้น งอสะโพกดึงเข่าทั้งสองข้างงอเข้าหาลำตัวหรือชิดออกให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งสะโพกลอยพ้นพื้น เป็นการบริหารกล้ามเนื้อท้องส่วนล่าง และกล้ามเนื้อสะโพก

*ข้อควรระวัง อย่าพยายามใช้การเตะเท้าเหยียดเข่าไปทางด้านเหนือศีรษะ เพื่อช่วยในการยกสะโพก

ท่า ต่อไปเป็นท่าสำหรับ การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและสะโพก ไปพร้อมๆ กัน เริ่มต้นโดยการยืนหรือนั่งบนเก้าอี้หรือนั่งกับพื้น เข่างอ เกี่ยวคล้องยางไว้ที่ฝ่าเท้า มือทั้งสองจับที่ปลายยางหรือที่จับแต่ละข้างไว้ ยกเท้าที่เกี่ยวคล้องยางขึ้นจากพื้นพร้อมกับงอศอก ใช้มือดึงยางรั้งไว้ หลังจากนั้น ใช้เท้าถีบยันให้ยางยืดออกไปจนกระทั่งเข่าเหยียดตรง เป็นการบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและสะโพก

*ข้อควรระวัง มือที่ดึงรั้งยางไว้อย่าผ่อนตามในขณะใช้เท้าถีบยันให้ยางยืดออก

จาก นั้นเป็น การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า วิธีปฏิบัติทำได้โดย นั่งบนเก้าอี้หรือม้านั่ง งอเข่า คล้องยางข้างหนึ่งรัดไว้ที่ข้อเท้า ส่วนยางอีกข้างหนึ่งคล้องไว้กับขาเก้าอี้ เหยียดเข่ายกปลายเท้าดึงยางให้ยืดออกไปข้างหน้าจนกระทั่งเข่าเหยียดตรงเป็น การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า

*ข้อควรระวัง อย่าก้มตัวไปข้างหน้าในขณะเหยียดเข่า ยกปลายเท้าขึ้น

หลัง จากบริหารขามาหลายท่า คราวนี้กลับมาบริหารสะโพกกันต่อดีกว่า แต่จะว่าไป ท่าที่จะแนะนำต่อไปนี้ ก็จะช่วยให้ fit and firm ทั้งกล้ามเนื้อสะโพก ต้นขา และท้องส่วนล่าง เลยทีเดียวนะค่ะ

          การเริ่มต้นก็ไม่ลำบากยากเย็น แค่นอนหงาย งอสะโพกและเข่าเข้าหาลำตัวด้านหน้า คล้องเส้นยางไว้ที่ฝ่าเท้า มือทั้งสองจับปลายเส้นยางหรือที่จับไว้ในลักษณะงอศอก ปลายแขนตั้งขึ้นเพื่อรั้งยางไว้ จากนั้นถีบเท้าทั้งสองเหยียดสะโพกและเข่าวางเท้าลงสู่พื้น แล้วงอสะโพกและเข่ากลับสู่ท่าเริ่มต้น เป็นการบริหารสะโพกและต้นขาด้านหน้า รวมทั้งหน้าท้องส่วนล่าง

*ข้อควรระวัง ไม่เหยียดเข่าหรือถีบยันเท้าขึ้นด้านบน

สำหรับ ผู้ต้องการ บริหารกล้ามเนื้อสะโพกด้านนอก ก็ให้หยิบยางยืดของคุณมาคล้องไว้ที่ข้อเท้าแต่ละข้าง นอนตะแคงขาเหยียดตรง แขนข้างหนึ่งรองศีรษะไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งใช้ยันพื้นทางด้านหน้าลำตัว เพื่อความมั่นคงในขณะปฏิบัติ ยกขาด้านบนกางขึ้นโดยให้ปลายเท้าชี้ตรงไปตามทิศทางที่หัสหน้า หุบขาลงสู่ท่าเริ่มต้น เป็นการบริหารสะโพกด้านนอก

*ข้อควรระวัง ในขณะยกขากางขึ้น อย่าให้ปลายเท้าชี้ขึ้นด้านบน

   และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาปิดท้ายรายการเพื่อการมีสะโพกขนาดกำลังงาม ด้วยท่าการบริหารกล้ามเนื้อสะโพกด้านหลังและหลังส่วนล่าง สามารถทำได้โดย ยืนตรง ใช้มือจับโต๊ะหรือเก้าอี้ไว้ คล้องยางข้างหนึ่งรัดไว้ที่ข้อเท้า ส่วนอีกข้างหนึ่งคล้องหรือผูกยึดไว้กับขาโต๊ะหรือเก้าอี้ที่อยู่ทางด้านหน้า พยายามยกส้นเท้าขึ้นทางด้านหลังในลักษณะเฉียงออกทางด้านข้างเล็กน้อย ให้ได้สูงที่สุดโดยที่เข่าไม่งอ เป็นการบริหารกล้ามเนื้อสะโพกด้านหลังและหลังส่วนล่าง
ออกกำลังกาย

*ข้อควรระวัง ไม่โยงตัวหรือก้มตัวไปข้างหน้าในขณะยกขาขึ้นทางด้านหลัง

          แหม…ชักอยากเห็นแล้วสิ ว่าเพื่อนๆ จะมีหุ่นงาม แถมด้วยความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นขนาดไหน แต่ขอให้ความงาม มาพร้อมกับสุขภาพที่ดีนะคะ ดังนั้นเราจึงควรที่จะดูแลเรื่องการกิน กานนอนควบคู่ไปด้วยเช่นกันค่ะ

ที่มา..shape.in.th

ลดความอ้วนด้วยการออกกำลังกาย







วิธีลดความอ้วน โดย การออกกำลังกายเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่ผู้ลดความอ้วนมักจะปฏิเสธวิธีนี้และหันไปทำอย่างอื่นซึ่งไม่ค่อยได้ผลดี นัก แต่ถ้าคุณลองออกกำลังกายด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ ให้เกิดการเผาผลาญไขมันกระบวนการเมตาบอริซึ่มในร่างกาย ปกติแล้วการวิ่งออกกำลังกายควรจะเป็น ช่วงเย็นเป็นเวลา 30 นาทีทุกวัน ไขมันในร่างกายของคุณก็จะถูกเผาพลาญไป นอกจากวิธีวิ่งออกกำลังกายแล้วยังมีกิจกรรมอย่างอื่นที่อยู่ในหมวดออกกำลัง กายคือ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค หรือเล่นกิจกรรมกีฬาที่เสียเหงื่อทุกอย่าง ยิ่งถ้าเป็นกีฬาที่คุณชอบก็จะทำให้เวลาในการออกกำลังกายยืดขยายไปได้อีก แต่ต้องหมั่นออกกำลังกายทุกวัน ไม่เช่นนั้นการออกกำลังกายก็จะไม่มีผลถ้าหากคุณทำเพียง 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ถ้าหากคุณทำทุกวันนอกจากน้ำหนักจะลดแล้วยังได้รูปร่างดีเข้ามาเพิ่มอีกด้วย แต่คุณไม่ควรออกกำลังกายหักโหมเกินไปเพราะจะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ ควรออกกำลังกายอย่างพอดีและอย่าฝืนร่างกายเด็ดขาดไม่เช่นนั้นน้ำหนักไม่ลด แถมต้องเหนื่อยฟรีอีกต่างหาก เครื่องออกกำลังกาย
กิจกรรมกีฬาที่น่าสนใจในการออกกำลังกาย
ว่ายน้ำ การว่ายน้ำทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนเกิดการเคลื่อนไหว ส่งผลทำให้ไขมันในร่างกายได้ถูกขจัดทิ้งพร้อมกับน้ำเย็น ๆ ที่ทำให้ว่ายน้ำได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกเหนื่อย วิธีนี้ช่วยลดน้ำหนักได้ดีแต่อาจจะช้ากว่าการวิ่งพอสมควรเพราะร่างกายจะสูญ เสียเหงื่อได้น้อยกว่า
วิ่ง/เดินเร็ว กล้ามเนื้อขาของคุณจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับรูปร่างที่ตามมา นอกจากน้ำหนักจะลดหุ่นของคุณยังเพอร์เฟคได้เหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสอง ตัว แต่มีข้อเสียคืออย่าหักโหมจนเกินไปไม่งั้นขาของคุณจะใหญ่จากการที่กล้ามขึ้น ทดแทนไขมันที่หายไปได้ เครื่องออกกำลังกาย
แบทมินตัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการออกกำลังกายกับเพื่อน ในการเล่นแบทมินตันทำให้ร่างกายทุกส่วนของคุณได้ขยับเขยื้อนและทำให้เกิดการ เผาพลาญไขมันไปพร้อม ๆ กัน

ที่มา.108suaysai.com

Sunday, August 25, 2013

เทคนิคหุ่นสวย 4 แบบ

 โครง สร้างร่างกายทำ ให้สัดส่วนของผู้หญิงแตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบไหนคุณก็ดูแลตัวเองให้หุ่นดีได้ ด้วยข้อแนะนำดังต่อไปนี้
1.รูปร่างแบบแอปเปิ้ล: Android Shape
คนที่มีรูปร่างแบบแอปเปิ้ล (Android Shape) มีโครงสร้างใหญ่ ไหล่กว้าง แขนขาล่ำสัน ต้นขาและสะโพกมีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อ
แผนพิชิตหุ่นสวยด้วยการกิน
- ควรเลือกกินอาหารประเภทมังสวิรัติ และลดปริมาณเนื้อสัตว์ลง
- รับประทานอาหารที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท เป็นต้น
- รับ ประทานอาหารที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของตับเพื่อเสริมการเผาผลาญพลังงาน เช่น ผักสีเขียวเข้ม สีเหลือง สีแดง หรือม่วงเข้ม และพืชในตระกูลกะหล่ำปลี
- คน ที่มีการทำงานของต่อมหมวกไตผิดปกติให้ กินถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ หรือต่อมพิทูอิทารีให้ดีขึ้น
ท่าออกกำลังกายที่เหมาะกับหุ่นแบบแอปเปิ้ล
ท่าบิดตัวแบบนอน (Half Lord of the Fishes Pose)
-  นอนหงายขึ้นแล้วกางแขนออก เท้าทั้งสองข้างเหยียดตรง หายใจเข้าลึกๆ ยกขาขวาข้ามขาซ้าย
- หายใจ ออก งอเข่าและกดเข่าติดกับพื้น บิดลำตัวและหันหน้าไปทางขวา กำหนดลม หายใจ เข้า-ออก ค้างไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที สลับทำอีกข้าง ถือเป็นหนึ่งเซต ทำซ้ำ 5 เซต
ท่าเรือ (Full Boat Pose)
- นั่งหลังตรง เหยียดเท้าไปข้างหน้า แขนยันพื้นข้างสะโพก ให้ปลายนิ้วชี้ไปข้างหน้า หายใจ ออก เอนลำตัวไปข้างหลัง ยกขาขึ้นจากพื้นทำมุม 45-55 องศา
- หายใจ เข้าลึกๆ ยกแขนขึ้นระดับหัวไหล่ และให้ขนานกับพื้น หลังเหยียดตรง ทิ้งน้ำหนักลง สะโพก หายใจออก ค้างไว้ 10-20 วินาทีค่อย ๆ คลายท่า และทำซ้ำ 5 ครั้ง
2.รูปร่างแบบลูกแพร์: Gynaeoid Shape
คนที่มีรูปร่างแบบลูกแพร์ (Gynaeoid Shape) คือ มีส่วนบนเล็ก ส่วนล่างใหญ่ ลักษณะเหมือนลูกแพร์ หรือลูกชมพู่
แผนพิชิตหุ่นสวยด้วยการกิน
- ต้องกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำ มีเส้นใยสูง ได้แก่ ผักสดและผลไม้
- รับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิด แต่ต้องไม่ติดมันเลย
- ไม่ควรกินอาหารรสเค็มจัด อาหารหมักดอง อาหารที่มีส่วนผสมของสารกันบูดและอาหารใส่สี เพราะทำให้ร่างกายเก็บน้ำไว้ในเซลล์มากเกินไป
- หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนเอสโทรเจน ได้แก่ ถั่วเหลือง และ เต้าหู้
- กินอาหารที่เสริมการทำงานของต่อมพิทูอิตารี เช่น ถั่วเมล็ดแห้งและงาต่าง ๆ
ท่าออกกำลังกายที่เหมาะกับหุ่นลูกแพร์
ท่าสะพาน (Half Bridge Pose)
- นอนหงายขึ้น จัดตัวให้ตรง ชันเข่าขึ้น แยกเท้าออกจากกันพอประมาณ ช่วงสะโพก ทิ้งน้ำหนักลงที่ฝ่าเท้า ศีรษะและไหล่ เหยียดแขนให้ตรง
- หายใจ เข้า ดันตัวหรือยกสะโพกขึ้นให้หลังลอยสูงจากพื้นให้มากที่สุดเท่าที่จะ ทำได้ ค้างไว้ประมาณ 15 วินาที แล้วหายใจออก แล้วค่อย ๆ ลดตัวลง คลายท่า และทำซ้ำอีก 10 ครั้ง
3.รูปร่างผอมเก้งก้าง: Thyroid Shape
คน ที่มีรูปร่างผอมเก้งก้าง (Thyroid Shape) หรือที่เรามักเรียกว่าหุ่นนางแบบ จะมีโครงกระดูกเล็ก กล้ามเนื้อลีบ ไหล่แคบ อกไข่ดาว ก้นปอด ไขมันตามตัวน้อย
แผนพิชิตหุ่นสวยด้วยการกิน
-  หลีกเลี่ยงข้าวหรือแป้งที่ผ่านการขัดสี เช่น เค้ก ขนมปังขาว และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งขาว
-  งดเนื้อสัตว์ที่ผ่านขั้นตอนถนอมอาหาร เช่น ไส้กรอก เบคอน เนื้อสัตว์ทอดและเครื่องในสัตว์
-  หลีกเลี่ยงอาหาร เครื่องดื่มรสหวาน และแอลกอฮอล์
-  พบว่าคนรูปร่างผอมเก้งก้างมีพฤติกรรมกินอาหารเย็นดึก ทำให้เกิดปัญหาอ้วน เฉพาะส่วน จึงควรกินอาหารเย็นให้เร็วขึ้น
ท่าออกกำลังกายที่เหมาะกับหุ่นผอมเก้งก้าง
ท่านักรบ (Virabhadrasana II)
-  ยืน ตรงเท้าชิดกัน แขนแนบลำตัว หายใจเข้า-ออกอย่างช้า ๆ แยกเท้าออก ประมาณ 3-4 ฟุต แล้วกางแขนขนานกับพื้น หมุนเท้าซ้ายไปทางซ้ายประมาณ 90 องศา ส่วนเท้าขวาเฉียงมาทางซ้ายเล็กน้อย
- งอเข่าข้างซ้ายลงจนสะโพกซ้ายอยู่ในระดับข้อเท้า ขาขวาตึง กางแขนทั้งสองข้างขนาน กับพื้น หันหน้าไปทางซ้ายมองที่ปลายนิ้ว
-   หายใจเข้า โน้มตัวไปทางซ้ายให้มากที่สุด ค้างไว้ 30 วินาที จากนั้นหายใจออก คลายท่า สลับข้าง ทำซ้ำ 10 ครั้ง
4. รูปร่างทรงกระบอก: Lymphatic Shape
รูป ร่างทรงกระบอก (Lymphatic Shape) พบมากที่สุดในสาวเอเชีย คนที่มีหุ่นแบบนี้ส่วนมากจะไม่มีส่วนโค้งส่วนเว้า เวลาอ้วนร่างกายจะดูหนาทั้งตัวเลย
แผนพิชิตหุ่นสวยด้วยการกิน
- งดกินอาหารประเภทนมสดทุกชนิด
- งดอาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง อาหารรสเค็มและของทอด เนื่องจากเซลล์มีคุณสมบัติในการเก็บน้ำไว้มาก
- รับประทานอาหารพลังงานต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ เป็นประจำ
ท่าออกกำลังกายที่เหมาะกับหุ่นทรงกระบอก
ท่าสามเหลี่ยม (Triangle Pose)
- ยืน ตัวตรง แขนแนบลำตัว กางแขน ปลายเท้าแยกห่างจากกัน ออกกำลังกาย ตำแหน่งของปลายเท้าตรง กับข้อมือ ปลายเท้าซ้ายหันออกด้านข้าง หันหน้ามองมือซ้าย
- สูดลม หายใจเข้า-ออกลืกๆช้าๆ เหยียดตัวและแขนไปให้มากที่สุด แล้วลดมือซ้ายวางที่พื้น หรือจับที่ข้อเท้า แขนขวาเหยียดขึ้นด้านบนให้สุด ถ้าทำถูกต้องจะรู้สึกตึงที่ด้านข้างขวาเพราะสีข้างถูกยืด บิดหน้ามองขึ้นบนตามมือขวาค้างไว้ 10 วินาที หายใจเข้า–ออกทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง เป้นอันเสร็จ

ที่มา..shape.in.th

จักรยานแบบขี่อยู่กับที่ (stationary bike)







มีประโยชน์เพราะเป็นการฝึกที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มฝึก แรงกระแทกต่ำ และรูปแบบการฝึกส่วนมากสามารถตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้
รูปแบบ
  • เครื่องออกกำลังกาย ปรับที่นั่งให้เหมาะกับส่วนสูงของท่าน (ท่านควรงอเข่าเล็กน้อยเมื่อแป้นที่เท้าเหยียบเคลื่อนที่ลงด้านล่าง)
  • เริ่มต้นอย่างช้าๆ
  • รักษาการวางท่าให้ถูกต้อง
ความหนักในการฝึก
  • ระดับต่ำ-ระดับปานกลาง-ระดับสูง
  • เพิ่มแรงต้าน และ/หรือความเร็วเพื่อเพิ่มความหนักในการฝึก
ประโยชน์ที่ได้
  • เครื่องออกกำลังกาย ป็นการฝึกที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มฝึก
  • แรงกระแทกต่ำ
  • รูปแบบการฝึกส่วนมากสามารถตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้
กล้ามเนื้อหลัก
  • กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า
  • กล้ามเนื้อน่อง
  • เส้นเอ็นหลังหัวเข่า
  • กล้ามเนื้อลำตัว
ที่มา..doohealthy.com

Wednesday, August 21, 2013

หลากหลายวิธียอดฮิต ในการลดน้ำหนัก…ดีจริงหรือไม่ ?







คำแนะนำจากแพทย์
นพ.สุรินทร์ ได้ให้แนะนำและเสนอข้อคิดเห็นกับสารพัดวิธีต่างๆ ที่คนนิยมนำมา ลดความอ้วน ไว้ว่า ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนั้น ควรจะใช้วิธี การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเป็นประจำ ควบคู่ไปกับการควบคุมปริมาณอาหาร จะได้ผลดีและมีความปลอดภัยที่สุด การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในหนึ่งสัปดาห์
ชนิดกีฬาสำหรับคนอ้วน
ชนิดกีฬาสำหรับคนอ้วนที่อยากจะแนะนำให้ ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเดิน การขี่จักรยาน การว่ายน้ำ การเดินตามจังหวะเพลงที่นุ่มนวล คนอ้วนนั้นควรจะหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย ที่มีกระแทกกระทั้น และการออกกำลังกายก็ควรออกกำลังกายครั้งละไม่ต่ำกว่า 20 นาที แต่อย่าให้เกิดอาการหักโหม
การใช้ยาลดความอ้วน
การลดความอ้วนนั้นมีหลากหลายวิธีมาก แต่การใช้ยาลดความอ้วนนั้น เป็นที่นิยมกันมากก็จริง แต่ไม่แนะนำให้ใช้มัน เพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่รับประทานเข้าไปแล้ว ยาจะไปออกฤทธิ์ กดประสาทส่วนที่ควบคุมความหิวในสมองส่วนกลาง ทำให้ไม่มีความรู้สึกอยากอาหาร โดยในตัวยาจริงๆ แล้วไม่ได้ทำให้ผอมได้เลย ดังนั้นส่วนใหญ่การใช้ยา จึงคงรใช้ร่วมกับการควบคุมปริมาณอาหาร และการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ซึ่งการใช้ยาส่วนใหญ่จะได้ผลในระยะเวลาสั้นเพียงแค่ 4-6 สัปดาห์ และไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้นเอง โดยการใช้ยานั้นต้องอยู่ในความดูแลใกล้ชิดของแพทย์ หลังจากนั้นแล้ว มักจะไม่ได้ผล ซ้ำร้ายอาจจะเกิดอาการดื้อยาได้ และการกินยาลดความอ้วนมักจะมีอาการข้างเคียงตามมาเสมอ เนื่องจากยาส่วนใหญ่ผลิตจาก อนุพันธ์ของแอมเฟตามีน มักจะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ มือสั่นใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ มีอารมณ์หงุดหงิด ปากคอแห้ง เหงื่อออกเยอะ ประสาทหลอน มีความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด ปัสสาวะเป็นสีม่วงหรือที่ คุ้นเคยกันที่เรียกว่า “ฉี่ม่วง” นั่นเอง และเมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะทำติดยาได้ในที่สุด
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน
ส่วนเรื่องของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้น นพ.สุรินทร์ ได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เมื่อรับประ ทานลงไปในร่างกายแล้วจะทำให้อิ่มเร็ว เพราะว่ามีปริมาณไฟเบอร์สูง จึงทำให้ไม่อยากรับประทานอาหารอย่างอื่นอีก ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเปลี่ยนมารับประทานอาหารจำพวก ผัก หรือว่าผลไม้ ก็มีค่าเท่ากัน และยังราคาที่ถูกกว่ามากด้วย หรือจะเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำ ซึ่งปกติแล้วอาหารไทยนั้นจะมีปริมาณแคลอรีที่ต่ำ และมีกากของอาหารใยสูงอยู่แล้ว (ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบจำพวกกะทิ และน้ำตาล) ออกกำลังกาย
การผ่าตัดดูดไขมัน
การผ่าตัดเพื่อดูดไขมันออกมานั้น วิธีนี้อาจจะฟังดูแล้วน่ากลัวอยู่บ้าง ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งการดูดไขมันเฉพาะที่ตลอดจนการตัดแต่งกระเพาะอาหารให้มี ขนาดรองรับอาหารที่เล็กลง ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นอันตรายอย่างมาก การผ่าตัดจึงเป็นวิธีการที่มีความเสี่ยงต่ออันตรายที่สูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว ก็ไม่มีวิธีใดจะให้ผลที่ดีและมีความปลอดภัยมากที่สุดเท่ากับ การควบคุมปริมาณอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไป ซึ่งจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เพียงแค่อาศัย ความมุ่งมั่น จิตใจที่มุ่งมั่นที่ต้องการจะลดน้ำหนัก มีวินัย มีความเคร่งครัดในตัวเองเท่านั้นเอง
จาก คำแนะนำของแพทย์ดังที่ได้กล่าวไว้ การลดความอ้วนนั้นสามารถกระทำได้หลายวิธี ทีนี้ก็อยู่กับตัวคุณผู้อ่านแล้วว่า จะใช้วิธีการไหนในการลดความอ้วน พิจารณาและไตร่ตรองให้ดีๆนะคะ

ที่มา..shape.in.th

เครื่องฝึกแบบกรรเชียงบก (rower)








เครื่อง ฝึกแบบกรรเชียงบก (rower) มีการประสานงานกันของอวัยวะต่างๆ และความสมบูรณ์ของหัวใจถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการปรับสภาพร่าง กาย
รูปแบบ
  • รัดเท้าด้วยสายรัด
  • ตอนแรกดันขาโดยผ่านปุ่มโคนหัวแม่เท้าเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหว
  • ดึงด้ามกรรเชียงเข้ามาหาลำตัวที่หน้าท้อง พร้อมๆ กับเหยียดขาทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า
  • กลับสู่ท่าเริ่มต้น เครื่องออกกำลังกาย
  • เริ่มต้นใหม่อย่างช้าๆ
  • รักษาการวางท่าให้ถูกต้อง
ความหนักในการฝึก
  • ระดับปานกลาง-ระดับสูง
  • เพิ่มแรงต้าน และ/หรือความหนักในการฝึก
ประโยชน์ที่ได้
  • การประสานงานกันของอวัยวะต่างๆ และความสมบูรณ์ของหัวใจ
  • ดีที่สุดในการปรับสภาพร่างกาย เครื่องออกกำลังกาย
  • รูปแบบการฝึกส่วนมากสามารถตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้
กล้ามเนื้อหลัก
  • แขน
  • หน้าอก
  • หลัง
  • ไหล่
  • กล้ามเนื้อลำตัว
  • กล้ามเนื้อสะโพก
  • เส้นเอ็นหลังหัวเข่า
  • กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า
  • กล้ามเนื้อน่อง
ที่มา..doohealthy.com

Monday, August 19, 2013

ลดน้ำหนัก หุ่นสวยภายใน 1 นาที




การ ออกกำลังกายนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ชีวิตของคุณวุ่นวายมากขึ้น แต่สามารถเป็นเรื่องง่าย ๆ ด้วยการหาเวลาครั้งละหนึ่งนาทีตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย และเพิ่มเคล็ดลับง่าย ๆ แบบนี้เข้าไปในชีวิตประจำวันของคุณ
ทำท่าลันจ์ตอนเช้าและกลางคืน
อย่าง แรกในตอนเช้าและอย่างสุดท้ายก่อนเข้านอน ออกกำลังกาย ทำท่า Rear Lunges (ก้าวเท้าไปด้านหลังยาว ๆ แล้วย่อเข่าจนต้นขาขนานกับพื้น) 5 ครั้งกับขาทั้งสองข้าง จากนั้นก็ทำท่าสควอช (กางขาย่อเข่า) จำนวน 5 ครั้ง เวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีนี้จะทำให้คุณได้ทำท่าลันจ์เพิ่มขึ้น 300 ครั้ง และท่าสคอวช 150 ครั้งในแต่ละเดือน ซึ่งถือว่าเป็นการกระชับขาและบั้นท้ายที่ยอดเยี่ยมไปเลย
ใช้การรอให้เป็นประโยชน์
ใน ขณะที่คุณนั้นยืนหรือนั่งรอคิวอะไรบางอย่าง ก็ลองลองเกร็งและคลายกล้ามเนื้อก้นของคุณตลอดหนึ่งนาที และเมื่อทำเสร็จก็ให้แขม่วท้องสัก 300 เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง
กระชับกล้ามเนื้อระหว่างโฆษณา
โดย การลองทำท่าบริหารบั้นท้ายต่อไปนี้ ขณะที่ทีวีคั่นโฆษณานอนหงาย งอเข่า เท้าวางให้ราบกับพื้น เหยียดขาขวาไปข้างหน้าให้อยู่เหนือพื้นประมาณ 6-8 นิ้ว หายใจเข้าลึกๆ แล้วกดส้นเท้าซ้ายพร้อมกับยกก้นขึ้นจากพื้น แล้วจึงหายใจออก เกร็งกล้ามเนื้อก้นราว 15 นาทีทำซ้ำ 15 ครั้ง โดยสลับขากันเป็นอันเสร็จ
การบริหารน่องบนบันได
เมื่อ เราก้าวขึ้นบันไดไปได้ทุกสามขั้น ให้คุณทำท่า Calf Raises (เขย่งยืนบนปลายเท้าแล้วหย่อนส้นเท้าลงให้ต่ำกว่าขั้นบันได) ซัก 5 ครั้ง
วิดพื้นในออฟฟิศ
มัน จะช่วยบริหารหน้าอก ทำให้เลือดสูบฉีดได้ดี และทำให้สมองสดชื่นปลอดโปร่ง เริ่มด้วยการยืนแล้ว ก้มตัวไปข้างหน้า วางฝ่ามือลงกับขอบโต๊ะ (ให้แน่ใจด้วยนะว่าโต๊ะมั่นคงแข็งแรงไม่เขยื้อนแน่) กดตัวลงต่ำให้ลำตัวตรง จากนั้นดันตัวขึ้นตรง ๆทำให้ได้เยอะที่สุดภายในเวลา 1 นาที
การออกกำลังที่โต๊ะทำงาน
การ ทำท่าสคอวชและท่าเขย่งเท้า เป็นท่าที่ง่ายที่สุดสำหรับทำในที่ทำงาน คุณลองยืนอยู่หน้าเก้าอี้ เหยียดแขนออกไปข้างหน้าให้สุด แล้วย่อเข่าลงทำท่าเหมือนจะนั่งลงบนเก้าอี้ แต่อย่าให้ก้นแตะเก้าอี้ จากนั้น ก็ยืนขึ้นแล้วเขย่งเท้า ทำซ้ำแบบนี้ ประมาณ 8-12 ครั้ง
ปั้นหุ่นตอนเจ๊าะแจ๊ะ
ตอน ที่เราคุยโทรศัพท์อยู่ให้ยืนตรงโดยให้ส้นเท้าชิดกัน ปลายเท้าทางออกเป็นรูปตัว V จากนั้น ค่อยๆย่อสะโพกลงจนกระทั่งหัวเข่ายืนเลยปลายเท้าออกมา พยายามเกร็งขาด้านในขณะที่คุณยืดตัวขึ้น ทำซัก 20 ครั้ง ช้า ๆ เมื่อถึงครั้งสุดท้าย ขณะที่อยู่ในท่างอเข่าให้คุณยกส้นเท้าขึ้นและลดลง 8-15 ครั้ง เพื่อบริหารน่องไปด้วย ถ้ายังพูดไม่จบก็ทำต่อเช็ตที่ 2 รับรองว่าเมื่อพูดจบแล้วขาคุณจะสวยขึ้นเยอะเลยล่ะ
บริหารกล้ามบริเวณเนื้อคอ
วาง ฝ่ามือข้างที่ถนัดลงบนหน้าผาก แล้วกดมันแรง ๆ ราวห้าวินาทีก็พอ ทำซ้ำทั้งข้างซ้ายและข้างขวาของศีรษะ การทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรงขึ้น มันยังช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ และทำให้การวางท่าทางของคุณดีขึ้น และยังช่วยลดอาการปวดศรีษะ อันเป็นผลมาจากความเครียดได้ด้วย
เดินบนบันไดเลื่อน
คุณ เคยได้ยินมานับล้านครั้งแล้วว่าให้ขึ้นบันไดแทนลิฟต์ แต่ถ้าเป็นบันไดเลื่อนล่ะ การเดินขึ้นและลงราวกับว่ามันเป็นบันไดตามปกติ คุณจะเผาผลาญแคลอรีมากขึ้นถึงเจ็ดเท่าเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับการยืนเฉย ๆ แล้วรอให้บันไดเลื่อนขึ้นไป
การเดินไปมาตอนทำงาน
การ เดินไปมาขณะที่คุยโทรศัพท์ หรือพูดคุยเรื่องงานกับเพื่อนร่วมงานนั้น ออกกำลังกาย จะเผาผลาญมากกว่าหนึ่งเท่าครึ่ง เมื่อเทียบกับการนั่งอยู่เฉย ๆ หรือเท่ากับการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 61 แคลอรีต่อชั่วโมง หรือ 30,134 แคลอรีต่อปีเลยเชียวหละ
เพิ่มพลังด้วยการขึ้นบันได
แทน ที่เราจะเดินเอื่อยๆขึ้นบรรได ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วและจำนวนของขั้นบันไดที่คุณก้าวขึ้นไปที่ละขั้นเป็นทีละสอง ขั้น ถ้าคุณสามารถทำได้อย่างปลอดภัยแล้วนั้น คุณจะยังสามมารถบริหารกล้ามเนื้อก้นได้มากขึ้นอีกด้วย

เครื่องออกกำลังกายประเภทโต้คลื่น







เครื่องออกกำลังกายประเภทโต้คลื่น (wave) มีประโยชน์เพราะแรงกระแทกน้อย และรูปแบบการฝึกส่วนมากสามารถตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้
รูปแบบ
  • เริ่มต้นอย่างช้าๆ
  • ใช้ราวมือจับเพื่อทรงตัวในกรณีที่ต้องการ
  • รักษาการวางท่าให้ถูกต้อง
  • ให้เท้าทั้งสองข้างชี้ตรงไปข้างหน้า
  • วางเท้าราบลงบนแป้นเหยียบ
ความหนักในการฝึก
  • ระดับต่ำ-ระดับปานกลาง-ระดับสูง
  • เพิ่มการเอนตัว แรงต้าน และ/หรือความเร็วเพื่อเพิ่มความหนักในการฝึกพัฒนาการทรงตัวและความมั่นคงของร่างกาย
ประโยชน์ที่ได้
กล้ามเนื้อหลัก
  • กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า
  • กล้ามเนื้อสะโพก
  • กล้ามเนื้อน่อง
  • เส้นเอ็นหลังหัวเข่า
  • กล้ามเนื้อลำตัว
ที่มา..doohealthy.com

Saturday, August 17, 2013

เคล็ดไม่ลับ กระชับหุ่น




สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง ให้สมส่วนอยู่เสมอ และรักสุขภาพ วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ เพื่อหุ่นสวย เพรียว มาฝากค่ะ…
การซับน้ำมันออกจากอาหาร
เป็น การซับน้ำมันที่เป็นส่วนเกิน ก่อนที่จะรับประทานนั้น เป็นวิธีง่าย ๆ ในการลดแคลอรี่ส่วนเกิน น้ำมันส่วนนี้นั้น เป็นไขมันที่ไม่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะเป็นไขมันที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย ทั้งยังอาจที่จะเข้าไปอุดตันในหลอดเลือดได้ การซับน้ำมันออกจากอาหารนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะกำจัดมันออกไปได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่า อาหารที่เรารับประทานนั้น มันมีน้ำมันเยอะแค่ไหน ถ้าเราซับน้ำมันออกมาได้ 1 ช้อนชา ก็แปลว่าเรา สามารถลดพลังงานไปได้ 40 แคลอรี่ และไขมันอีก 4-5 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่มากเท่าไรนัก
ดังนั้น ออกกำลังกาย การ ซับน้ำมันออกจากอาหารนั้น ก็ไม่ใช่ว่า จะทำให้อาหารที่มีไขมันอยู่เยอะ กลายเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำลงไปในทันทีเลย ทางที่ดีเราควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูง ๆ จะดีกว่า ดีกว่าจะมานั่งซับน้ำมันออกจากอาหารเพื่อทำให้รูปร่างดี
อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
การ เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เป็นการใช้เวลาให้คุ้มค่าอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะทำให้เผาผลาญแคลอรี่ได้ตลอดเวลาและมากขึ้นด้วย  ในเวลาทำงาน แทนที่เราจะใช้โทรศัพท์ภายในติดต่อกันกับเพื่อนร่วมงาน เราควรที่จะลุกขึ้นและเดินไปหาเขาแทน เมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อน ๆ อยากจะคุยกับเขานะคะ ถ้าอยู่ที่ยิมฯ ก็อย่ายืนอยู่เฉย และปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า ขณะรอคิวเครื่องออกกำลังกาย หรืออะไรก็ตามนั้น ก็กระโดดตบ หรือวิ่งอยู่กับที่ไปพลาง ๆก็ได้ เป็นการวอร์มอัพที่ดีเลยทีเดียว
เวลาที่เราหยิบของก็พยายามย่อให้สุด เวลาที่เราเข่าย่อหยิบของจากพื้น ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไปเดินช้อปปิ้ง หรือที่ไหนๆ ทุกครั้งที่เราย่อเข่า จะทำให้กล้ามเนื้อได้ยืดหยุ่นนะคะ
ควรออกกำลังกายตอนไหนดี
การ ออกกำลังกายนั้น ออกช่วงเย็นหรือช่วงเช้า แบบไหนถึงจะทำให้ผอมเร็วกว่ากัน หลายๆคนก็คงเคยได้ยินคนเถียงกัน เรื่องนี้กันบ่อยๆ บางคนก็บอกว่า การออกกำลังกายในตอนเช้า ก่อนอาหารเช้านั้น จะช่วยให้เผาผลาญไขมันได้ดีกว่า เพราะว่าร่างกายจะเปลี่ยนไขมันที่เก็บสำรองเอาไว้ให้กลายมาเป็นพลังงานด้วย แต่อีกส่วนที่บอกว่า การออกกำลังกายให้เหงื่อออกช่วงเย็นนั้นจะดีกว่าเนื่องจากร่างกายของเราได้ วอร์มมาทั้งวันแล้ว จึงพร้อมแก่การออกกำลังกายมากที่สุด
แต่อันที่ จริงแล้ว มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย สำหรับชีวิต ที่แสนจะวุ่นวายในยุคนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ การหาเวลาสะดวกที่สุดที่ เราจะได้ออกกำลังกายอย่างจริง ๆ จัง ๆ และทุ่มเทได้เต็มที่ จะได้ผลดีกว่าซะอีก

การออกกำลังกายด้วยกีฬาเพื่อสุขภาพ







การ ออกกำลังกายเป็นสิ่งที่อย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ออกกำลังหรือออกกำลังไม่พอ ร่างกายก็จะมีความก็ผิดปกติหย่อนสมรรถภาพ บางครั้งถึงกับเป็นโรค ผู้ที่เป็นโรคเพราะเหตุดังนี้ หากได้ออกกำลังก็หายได้ ดังนั้น จึงเปรียบการออกกำลังว่าเป็นอาหารก็ได้ เป็นยาก็ได้ การออกกำลังในที่นี้ หมายความถึงการให้กล้ามเนื้อทำงานเพื่อประโยชน์ต่างๆ เช่น การประกอบอาชีพ การทำงานอดิเรก หรือแม้การเล่นสนุก อีกคำหนึ่งที่มีความหมายเกี่ยวข้องกันคือ "กีฬา" หมายความถึงการออกกำลังที่เป็นการเล่นอย่างมีระเบียบหรือกฎเกณฑ์ เช่น แบดมินตัน ฟุตบอล รวมทั้งไม้หึ่งหรือตี่จับด้วย การกระโดดโลดเต้นไปตามเรื่องไม่ควรจะเรียกว่ากีฬา เป็นแต่เพียงการเล่น โดยเหตุผลทำนองเดียวกับการตักน้ำรดต้นไม้ก็ไม่ใช่กีฬา แต่ถ้ามีการแข่งขันตักน้ำใส่ตุ่ม ก็นับว่าเป็นกีฬาได้ เพราะจะมีกฎเกณฑ์และกำหนดเวลา ปัจจุบันนี้นิยมใช้คำว่า "กีฬา" สำหรับการใช้กำลังกายเพื่อประโยชน์อื่นๆ นอกจากงานอาชีพหรืองานประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้สำหรับการออกกำลังกายเพื่อประโยชน์เกี่ยว กับการบริหารกาย การเล่นสนุก และการแข่งขัน ชื่อของบทความนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้คำ "กีฬา" ตามความหมายในปัจจุบัน

ประเภทของกีฬา

กีฬา ตามความหมายปัจจุบัน อาจแบ่งตามจุดประสงค์ได้เป็นสองประเภท คือ กีฬาเพื่อแข่งขันกับกีฬาเพื่อสุขภาพ ในประเภทแรกนั้น ผู้เล่นจำต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเต็มที่เพื่อจะเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ในประเภทหลังคือ กีฬาเพื่อสุขภาพนั้นไม่มีความจำเป็นต้องซ้อมหนัก การปฏิบัติหรือฝึกซ้อมกระทำเพียงให้ได้ผลที่ต้องการเท่านั้น ผลที่ว่านี้อาจมีได้หลายอย่าง ดังต่อไปนี้ เครื่องออกกำลังกาย
  • เพื่อรักษาสภาพของร่างกายไว้ ไม่ให้เสื่อมโทรม เรียกว่า กีฬาอนุรักษ์
  • เพื่อแก้ไขสภาพที่เสื่อมโทรมให้กลับเป็นปกติ เรียกว่า กีฬาแก้ไข
  • เพื่อป้องกันการเกิดโรคบางอย่าง เรียกว่า กีฬาป้องกัน
  • เพื่อรักษาโรคบางโรค เรียกว่า กีฬาบำบัด
  • เพื่อช่วยให้ร่างกายที่เจ็บป่วยกลับ เป็นปกติ เรียกว่า กีฬาฟื้นสภาพการกีฬาบำบัดและการกีฬาฟื้นสภาพเป็นเรื่องของแพทย์โดยเฉพาะ ดังนั้น จะไม่กล่าวถึงในที่นี้ส่วนกีฬาอนุรักษ์ กีฬาแก้ไข และกีฬาป้องกันนั้น ให้ผลที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ดังนั้นจะบรรยายร่วมกันไป

กีฬาเพื่อสุขภาพ

ปฏิกิริยาและการปรับตัวของร่างกายต่อการออกกำลัง

การออกกำลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลายอย่างในร่างกาย เรียกว่า "ปฏิกิริยา" ซึ่งมีลักษณะและ ความรุนแรงต่างไปตามความหนักหน่วงของการออกกำลัง เมื่อเลิกออกกำลัง ปฏิกิริยาก็จะหายไป ถ้าออกกำลังซ้ำบ่อยๆ จะเกิด "การปรับตัว" ขึ้นในร่างกายทำให้สมรรถภาพเพิ่มขึ้นและปฏิกิริยามีความรุนแรงน้อยลง แม้จะออกกำลังหนักเท่าเดิม ตัวอย่างเช่น ในการวิ่งเหยาะ ผู้ที่วิ่งเป็นครั้งแรกอาจวิ่งได้เพียง 500 เมตรก็เหนื่อย มีอาการหายใจหอบ หัวใจเต้นเร็ว ปวดเมื่อยขา ฯลฯ จนในที่สุดต้องหยุด อาการที่กล่าวนี้เป็นปฏิกิริยาซึ่งเกิดตั้งแต่เริ่มวิ่ง และเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปตามปริมาณของการออกกำลัง จนทำต่อไปไม่ไหวถ้าออกกำลังเช่นที่กล่าวนี้บ่อยๆ โดยไม่ทิ้งระยะนานนักจะพบว่าการวิ่งระยะเท่าเดิม (500 เมตร) ทำให้เหนื่อยน้อยลงตามลำดับ จนในที่สุดอาจวิ่งไกลออกไปถึง 800 หรือ 900 เมตร นี้คือผลของการปรับตัว

ปฏิกิริยาต่อการออกกำลังกายเกิดขึ้นในหลาย ส่วนและมีลักษณะต่างๆ กัน จะกล่าวถึงเฉพาะที่สำคัญๆ

1. กล้ามเนื้อ การออกกำลังทุกครั้งต้องอาศัยกล้ามเนื้อหดตัวดึงกระดูกซึ่งประกอบเป็นแขนขา และส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง อาจมีการเคลื่อนไหวของส่วนนั้นๆ เรียกว่า การออกกำลังแบบเคลื่อนไหว (isotonic) หรือไม่มีก็ได้เรียกว่า การออกกำลังแบบเกร็งกล้าม (isometric) การหดตัวของกล้ามเนื้อเกิดขึ้นโดยมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในกล้ามเนื้อนั้น เอง คือ สารชื่ออะดีโนซีนไทรฟอสเฟต (adenosine triphospate) สลายตัวเป็นอะดีโนซีนไดฟอสเฟต (adenosine diphosphate) หลังจากกล้ามเนื้อหดตัวแล้วมีการกลับสังเคราะห์อะดีโนซีนไทรฟอสเฟตขึ้นใหม่ โดยขบวนการที่สลับซับซ้อนซึ่งรวมการ "เผา" (ออกซิไดซ์) กลูโคส เพื่อให้เกิดพลังงานสำหรับการสังเคราะห์สารที่เกี่ยวข้อง กล้ามเนื้อมีกลูโคสสะสมไว้ในปริมาณจำกัด ดังนั้น หากหดตัวติดต่อไปเป็นเวลานาน ก็จำต้องได้รับมาเพิ่มเติม เลือดนำกลูโคสมาจากตับซึ่งมีไกลโคเจน เก็บไว้เพื่อแปรเป็น กลูโคสเมื่อมีความต้องการ เมื่อกล้ามเนื้อหดตัว หลอดเลือดภายในนั้นจะขยายให้เลือดไหลมากขึ้น นำกลูโคสและออกซิเจนมาส่งเพิ่มขึ้น และนำคาร์บอนไดออกไซด์ และกรดต่างๆ ตลอดจนความร้อนที่เกิดขึ้นนำไปปล่อยที่ปอด ที่ไต และที่ผิวหนังตามลำดับ ที่กล่าวมานี้เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อ
หากกล้ามเนื้อถูกใช้ให้ทำงานหนักบ่อยๆ ก็จะปรับตัวโดยเพิ่มขนาด (บางครั้งไม่เพิ่มจำนวนด้วย)ของเส้นใยในตัวมัน ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและแข็งแรงมากขึ้น ดังที่ทราบกันโดยทั่วไป ถ้าหากในการออกกำลังครั้งหนึ่งๆ กล้ามเนื้อต้องทำงานซ้ำติดต่อไปเป็นเวลานาน ก็จะมีการปรับตัวในด้านความอดทนอีกด้วย
2. หัวใจและหลอดเลือด เมื่อมีการออกกำลัง หัวใจจะได้รับการกระตุ้นทางระบบประสาทให้เต้นเร็วและแรงขึ้น สูบฉีดเลือดได้ปริมาณมากขึ้น หากต้องทำการเช่นนี้บ่อยๆ หัวใจก็จะปรับตัวโดยเพิ่มขนาดของเส้นใย (แบบเดียวกับกล้ามเนื้อแขนขา) ทำให้ผนังห้องหัวใจหนา มีแรงสูบฉีดและกำลังสำรองมากขึ้นขณะเดียวกันหลอดเลือดแดงซึ่งรับเลือดไปจาก หัวใจต้องรับเลือดในปริมาณเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่หัวใจเต้น เท่ากับถูกบังคับให้ออกกำลัง ทำให้มีความยืดหยุ่นดีและเกิดอาการแข็งกระด้างน้อยลง ทั้งสองประการนี้ทำให้เลือดไหลได้สะดวกและความดันเลือดไม่ขึ้นสูงมาก
3. ปอดและการหายใจ ในการหายใจตามปกติ "ศูนย์หายใจ" ซึ่งอยู่ในส่วน "ท้ายสมอง " (medulla oblongata) สั่งการให้กล้ามเนื้อซี่โครงและกะบังลมหดตัว ทำให้ทรวงอกขยาย อากาศภายนอกดันผ่านจมูกหลอดลมคอ และหลอดลมปอดเข้าไปในถุงลม เป็นโอกาสให้ออกซิเจนในอากาศผ่านเข้าไปในเลือดในผนังของถุงลม ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดผ่านสวนทางมาสู่อากาศในถุงลม นั่นคือการหายใจเข้า เมื่ออากาศตันถุงลมพองถึงขนาด ศูนย์หายใจจะหยุดทำงาน กล้ามเนื้อซี่โครงและกะบังลมหย่อนตัวทรวงอกยุบ บีบอากาศออกมาจากถุงลมสู่ภายนอกนั้นคือการหายใจออก เมื่อออกกำลังศูนย์หายใจจะได้รับการกระตุ้นแรงกว่าปกติ การหายใจเข้าแรง เร็วหรือลึก หรือทั้งสองอย่างมากกว่าธรรมดา การหายใจออกก็เปลี่ยนตามไปด้วย ยิ่งออกกำลังหนักเท่าไร การหายใจก็เพิ่มปริมาณมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งถึงขีดที่เรียกว่า "หายใจหอบ" ซึ่งแสดงถึงความเหนื่อย หากออกแรงหนักขึ้นๆ อาการหอบเพิ่มมากขึ้นๆ จนกระทั่งถึงขั้นที่ศูนย์หายใจทำการเพิ่มต่อไปไม่ไหว การออกกำลังก็ต้องหยุดลง ถ้าหากมีการออกกำลังหนักเสมอๆ กล้ามเนื้อหายใจจะเพิ่มความแข็งแรงและอดทนขึ้น พร้อมกับศูนย์หายใจอดทนต่อการกระตุ้นมากขึ้น ทั้งสองอย่างนี้ช่วยให้สามารถหายใจหอบได้มากและนานขึ้น ข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวซึ่งช่วยให้สามารถทำการได้ด้วยความอดทนมาก ขึ้น
4. ระบบประสาท การออกกำลังเกิดขึ้นเพราะสมองสั่งให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อกล้ามเนื้อทำงานไปเรื่อยๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางประสาทและเคมีย้อนไป "กด" ศูนย์สั่งการในสมองมากขึ้นๆ โดยลำดับในที่สุดเมื่อออกกำลังกายเหนื่อยถึงขีดหนึ่ง (ซึ่งขึ้นอยู่กับความเคยชินต่อการออกกำลัง) ศูนย์สั่งการก็ถูกกดจนต้องหยุดทำงานคือ ถึงระยะ "เหนื่อยจนหมดแรง"(ซึ่งที่จริง "แรง" ยังมีแต่สมองไม่สั่งการ)
ถ้าออกกำลังเสมอๆ ศูนย์สั่งการจะปรับตัวโดยมีความอดทนต่อการกดมากขึ้น ทำให้สามารถทำงานได้นานออกไปกว่าเคย และการออกกำลังกายดำเนินไปด้วยความอดทนมากขึ้น
ในร่างกายยังมีระบบประสาทอีกระบบหนึ่ง ซึ่งไม่อยู่ในบังคับของจิตใจ เรียกว่า ระบบประสาทเสรีซึ่งทำการโดยอิสระเพื่อช่วยเหลืออวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะในการปรับการงานให้เหมาะสมกับเหตุการณ์และความต้องการของส่วนต่างๆ ในร่างกาย เช่น บังคับให้หัวใจเต้นเร็วหรือช้า ให้หลอดเลือดและหลอดลมภายในปอดขยายหรือบีบ ให้เหงื่อหลั่งมากหรือน้อยเป็นต้น การออกกำลังทุกครั้งเป็นการกระตุ้น และ "การฝึก" ประสาทเสรี เมื่อทำการออกกำลังบ่อยๆ ก็มีการกระตุ้นบ่อยๆ เร่งให้ระบบประสาทเสรีปรับตัวให้ทำงานได้ว่องไวและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
5. ระบบและส่วนอื่นๆ การออกกำลังอย่างค่อนข้างหนักและอย่างหนัก ย่อมทำให้เกิดปฏิกิริยาอย่างมากในร่างกาย นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีที่ควรทราบอีกดังต่อไปนี้
  • กระดูกที่ถูกกล้ามเนื้อดึงจะมีผิวหนาและแข็งแรงขึ้นในเด็ก กระดูกบางชิ้นจะยาวขึ้นด้วย ทำให้ร่างกายสูงใหญ
  • เลือดจะมีสีเม็ดเลือด (เฮโมโกลบิน) และจำนวนเม็ดเลือดแดงมากขึ้น ปริมาตรเลือดสำรองที่เก็บไว้ในม้ามและที่อื่นๆ จะมากขึ้น
  • ต่อมน้ำเลี้ยงภายในที่หลั่งฮอร์โมน บางอย่าง เช่น ต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง (พิทูอิทารี) ถูกกระตุ้นให้หลั่งมากขึ้น ทำให้เกิดผลเสมือนฉีดฮอร์โมนนั้นๆ เข้าในร่างกาย
  • มีการสะสมสารเคมีบางอย่างไว้สำหรับใช้ ระหว่างการออกกำลัง เช่น กลูโคส เก็บไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ อะดีโนซีนไทรฟอสเฟต เก็บไว้ที่กล้ามเนื้อ วิตามินซี เก็บไว้ในต่อมหมวกไต เป็นต้น
  • ระบบควบคุมอุณหภูมิกายจะมีประสิทธิภาพ สูงขึ้น สามารถกำจัดความร้อนที่เกิดจากการทำงานออกไปได้รวดเร็ว ร่างกายร้อนช้าลง ช่วยให้สามารถออกกำลังด้วยความอดทนมากขึ้น

การออกกำลังกายที่พอเหมาะ น้อยไป และมากไป

ถ้าเรากินอาหารน้อยไปเราก็หิว ถ้ากินมากไปก็ท้องอืด ต้องกินพอดีๆ จึงจะสบาย การออกกำลังก็เช่นเดียวกัน ถ้าทำน้อยไปก็ไม่ได้ผล ทำมากไปก็มีโทษ ต้องทำให้พอเหมาะจึงจะได้ประโยชน์ที่ต้องการดังนั้น จึงควรทราบว่าเมื่อไรออกกำลังพอแล้ว ต่อไปนี้ เป็นวิธีง่ายๆ สำหรับใช้กับตัวเองหรือแนะนำผู้อื่นในเวลาออกกำลัง
1. อาการเมื่อย เหมาะสำหรับใช้กับกายบริหาร กำหนดดูว่าส่วนที่กำลังใช้อยู่นั้นเริ่มมีอาการเมื่อยเมื่อใด (ตัวอย่างเช่น เริ่มเมื่อยเมื่อ "ชกลม" ได้ 10 ครั้ง) ลองทำต่อไปอีกประมาณ 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 5 ของที่ทำแล้ว จึงหยุด สังเกตว่าอาการเมื่อยที่เกิดแต่ต้นนั้นจะคงอยู่ต่อไปอีกนานสักเท่าใด ถ้าหายไปในเวลาสองสามชั่วโมง แสดงว่าที่ทำแล้วยังไม่พอ ควรจะเพิ่มได้อีก ถ้าหายภายใน 24 ชั่วโมง แสดงว่าพอเหมาะแล้ว ถ้ายังเมื่อยอยู่เกิน 36 ชั่วโมง แสดงว่าที่ทำนั้นมากเกินควร ครั้งต่อไป ต้องลดลง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลัง จะได้ทราบความสามารถของตัว เมื่อกำหนดได้แล้วก็ออกกำลังไปตามนั้น ภายในระยะหนึ่งจะสังเกตว่าเมื่อยน้อยลง หรือไม่เมื่อยเลยนี้แปลว่าร่างกายมีสมรรถภาพสูงขึ้นแล้ว ถ้าต้องการให้เพิ่มขึ้นอีกก็ต้องออกกำลังให้มากขึ้น โดยลองสังเกต เช่นในครั้งแรก ทำเป็นขั้นๆ ไปเช่นนี้จนได้ผลที่ต้องการ
ข้อพึงจำคือหากออกกำลังเป็นประจำจน สมรรถภาพสูงขึ้นแล้ว ถ้าเว้นว่างไปเสีย สมรรถภาพจะลดลง ภายในหนึ่งสัปดาห์สมรรถภาพที่สูงขึ้นจะกลับลดลงไปประมาณร้อยละ ๓๐ และหมดสิ้นไปภายในสามสัปดาห์ ข้อนี้จะต้องระลึกถึงเมื่อกลับเริ่มออกกำลังใหม่ จะออกมากหรือหนักเท่าที่เคยไม่ได้ แต่ต้องลดน้อยลงตามส่วน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นใหม่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันผลร้ายของการออกกำลังเกิน เช่นที่เคยเกิดขึ้นกับนักกีฬาเก่งๆ ที่เว้นว่างกายฝึกซ้อมไปนาน เมื่อกลับมาเล่นใหม่ก็เล่นเต็มที่เหมือนเคยลืมนึกถึงความเสื่อมที่ได้เกิด ขึ้นในระหว่างที่ไม่ได้เล่นผลร้ายอาจมีตั้งแต่การบาดเจ็บน้อยหรือมากไปจนถึง กับอันตรายหนัก
2. อาการเหนื่อย วิธีนี้เหมาะสำหรับการออกกำลังประเภทอดทน เช่น วิ่งเหยาะ (วิ่งช้าๆ เพื่อให้ได้ระยะทางมาก) สังเกตว่าวิ่งไปได้ระยะไกลหรือระยะเวลาประมาณเท่าใดจึงเริ่มมีอาการหอบ ปานกลางจะประมาณจากความรู้สึกว่าเหนื่อยค่อนข้างมากก็ได้หรือจะนับจำนวน ครั้งที่หายใจใน 1 นาทีก็ได้ สำหรับวิธีหลังนี้ต้องนับไว้ก่อนว่าเวลาอยู่เฉยๆ หายใจนาทีละกี่ครั้ง (หายใจเข้า 1 ที หายใจออก 1 ที นับเป็น 1 ครั้ง) สมมติว่า 20 ครั้ง เมื่อออกกำลังไปจนรู้สึกเหนื่อยค่อนข้างมากก็ลองนับดูใหม่ ถ้าการหายใจเพิ่มขึ้นไปเป็น 26 หรือ 28 ครั้งต่อนาที (คือเพิ่มร้อยละ 30-40) ก็ควรจะหยุดได้ ตัวเลขที่แสดงนี้เป็นเพียงตัวอย่างให้เข้าใจเท่านั้น แต่ละคนไม่เหมือนกัน ข้อสำคัญที่สุดคือความรู้สึกว่า "เหนื่อยค่อนข้างมากแล้ว" โดยทำนองเดียวกับในข้อที่แล้ว หากออกกำลังซ้ำไปๆ อาการเหนื่อยจะเกิดช้าเข้าและจะสามารถออกกำลังได้นานหรือมากขึ้นกว่าเดิม เป็นผลของการปรับตัวและการเพิ่มสมรรถภาพของร่างกาย
3. อัตราชีพจร ผู้ที่สนใจการออกกำลังอย่างจริงจังควรนับชีพจรของตนเอง อาจนับที่ข้อมือหรือที่คอก็ได้ วิธีแรกใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางกดปลายลงไปในร่องข้างเอ็นข้อมือทางด้านโคนนิ้วหัวแม่มือ (ของอีกมือหนึ่ง) ขยับจนรู้สึกการเต้นของหลอดเลือดเป็นจังหวะ ถือนาฬิกาที่มีเข็มวินาทีไว้ในมือที่ถูกคลำ (หรือสวมไว้ในมือที่ใช้คลำ) นับการเต้นของชีพจรตามไปขณะที่ตาดูนาฬิกา นับชั่ว 10 วินาทีแล้วคูณด้วย 6 เป็นอัตราใน 1 นาทีก็ได้ (วิธีนี้ไม่แม่นทีเดียว แต่ดีพอสำหรับการกีฬา) วิธีนับชีพจรที่คอ เหมาะสำหรับผู้ไม่ชำนาญเพราะหาหลอดเลือดได้ง่าย ใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางค่อยๆ กดลงไปที่ข้างลูกกระเดือกจนรู้สึกการเต้นของหลอดเลือด (อย่ากดหนักเกินจำเป็น) นับแบบเดียวกับที่ข้อมือ
4. ผลตามหลัง ผู้ที่ไม่เคยออกกำลังมาก่อน หลังจากออกกำลังครั้งแรก อาจมีอาการปวดข้อดึงกล้ามเนื้อหรือปวดกล้ามเนื้อด้วยในวันเดียวกันนั้นหรือ วันรุ่งขึ้น และอาจเป็นอยู่ต่อไปอีกหนึ่งหรือสองวันเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าอาการยังอยู่เกินสองวันควรสงสัยว่าการออกกำลังที่ได้ทำนั้นอาจจะมาก เกินไปครั้งต่อไปควรทำให้น้อยลง เครื่องออกกำลังกาย

การออกกำลังน้อยไป

การออกกำลังน้อยไป หมายความว่าออกกำลังแล้วไม่ได้ผลที่ต้องการ เช่น ร่างกายไม่แข็งแรง หรือไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น การออกกำลังน้อยไปไม่ให้ผลร้าย เหมือนกับการออกกำลังมากไป เพียงแต่ทำให้ผิดหวังและเสียเวลา ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อออกกำลังน้อย ปฏิกิริยาของร่างกายก็มีน้อยหรือเบาหรืออ่อนไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการ ปรับตัว หากได้ออกกำลังไปแล้วหลายวัน ไม่รู้สึกหรือสังเกตไม่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในเชิงร่างกายดีขึ้นหรือ แข็งแรงขึ้น ควรสงสัยว่าออกกำลังไม่พอ ควรลองเพิ่มความหนักหรือความบ่อยของการออกกำลังขึ้น จนสังเกตได้ว่ามีผลดังที่ต้องการจากที่ได้บรรยายมานี้คงจะเข้าใจได้แล้วว่า ผลดีของการออกกำลังนั้น เกิดจากการปรับตัวของร่างกายที่อวัยวะส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้ามเนื้อ หัวใจ และต่อมน้ำเลี้ยงภายใน เป็นต้น การปรับตัวบ่อยๆ ทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นๆ กลายเป็นการพัฒนาส่วนนั้นๆ ให้เพิ่มขนาดหรือความสามารถขึ้น มีกำลังสำรองมากขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น ในทางตรงกันข้าม เมื่อออกกำลังมากเกินไป ผลร้ายเพียงส่วนน้อยอาจเกิดจากการปรับตัวจนเกินขีด ส่วนใหญ่เกิดจากความบุบสลายหรืออันตรายต่ออวัยวะ เช่น กล้ามเนื้อ เอ็น พังผืดข้อกระดูก และเยื่อหุ้มข้อ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสาเหตุของอาการต่างๆ ที่กล่าวแล้วซึ่งมักไม่รุนแรงมาก แต่การปรับตัวจนเกินความสามารถหรือเกินกำลังสำรอง มักเป็นผลของการออกกำลังเกินสมควรอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่ออวัยวะที่เกี่ยวข้องมีสภาพไม่ค่อยปกติอยู่ก่อน แล้วอวัยวะที่มีความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องนี้คือหัวใจ
อ้างอิง : นายแพทย์อวย เกตุสิงห์

เทคนิคดีๆ การบริหารหน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน








เทคนิคดีๆ การบริหารหน้าท้อง 
นอก จากการบริหารร่างกายแบบคาร์ดิโอ เพื่อเป็นการเผาผลาญแคลอรีและไขมันแล้ว การทำกายบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนั้น มันก็เป็นอีกหนึ่งที่คัญของหน้าท้องแบนราบ และก็ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่วิธีซิตอัพ หรือครันช์เพื่อบริหารหน้าท้องเพียงเท่านั้น ยังมีทางเลือกอื่นๆที่ช่วยให้คุณได้บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องได้เช่นกัน! มาดูกัน
Ballerina Twist
ท่าบริหารหน้าท้องและลำตัว
วิธีการ นั่งลงบนพื้น ยืดขาออกมาทางด้านหน้า ต้นขาชิดกันไว้ ปลายนิ้วเท้าชี้ไปข้างหน้า ออกกำลังกาย เกร็งหน้าท้องแล้วก็เอนตัวไปด้านหลัง พร้อมทั้งวางแขนช่วงล่างลงกับพื้น ฝ่ามือวางราบปลายนิ้วชี้ออกนอกตัว จากนั้นเริ่มด้วยการวางแขนซ้าย แล้วยกแขนขวาขึ้นเหนือหัวพร้อมกับบิดลำตัวไปทางซ้าย แล้วกลับสู่ท่าเดิม จากนั้น เปลี่ยนแขนเป็นอีกข้างแล้วบิดตัวไปทางด้านขวาบ้าง ทำสลับกัน 20 ครั้งนับเป็นหนึ่งเซ็ต ให้ทำ 2 เช็ต
Twist and Drop
วิธีการบริหาร แขน หน้าท้อง ลำตัว และขา
วิธีการ ยืนกางเท้ากว้างกว่าช่วงไหลนิดหน่อย ออกกำลังกาย แล้วย่อตัวจากช่วงสะโพก จากนั้นวางมือทั้งสองข้างลงบนพื้นด้านหน้าเท้าห่างออกไปประมาณหนึ่งฟุต และก้มศีรษะลงเกร็งหน้าท้องเอาไว้ จากนั้นยกเท้าซ้ายขึ้นแล้วกวาดเท้ามาทางด้านหน้าเท้าขวา พร้อมกับงอเข่าขวาลง และลดสะโพกลงหาพื้น พยายามเกร็งให้ขาข้างซ้ายเหยียดตรงเอาไว้ หลังจากนั้น ก็กลับเข้าสู่ท่าเริ่มต้น แล้วจึงเปลี่ยนกลับมาทำแบบเดียวกันกับขาอีกข้าง ให้ทำสลับกันจนครบ 12 ครั้ง นับเป็นหนึ่งเซ็ต ทำซ้ำกัน 2 เซ็ต
Funky Abs
ท่าบริหารหน้าท้องและหลังส่วนล่าง
วิธีการ ยืนแยกเท้าให้กว้างกว่าช่วงของสะโพก และงอเข่าเล็กน้อย กดไหล่ลง เกร็งหน้าท้องแล้วแอ่นช่วงเชิงกรานไปด้านหน้า จนหลังงอนิดหน่อย หลังจากนั้นก็กลับสู่ท่าเริ่มต้นแล้วเปลี่ยนมาแอ่นช่วงเชิงกรานไปด้านหลัง  15 ครั้ง นับเป็น 1  เซตให้ทำ  2 เซ็ต

ที่มา..shape.in.th

มารยาทในการเล่นกีฬาเปตองที่ดี








มารยาท ในการเล่นกีฬาเปตองที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการกีฬา เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับนักกีฬา ที่รู้จักรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ยอมรับการตัดสินของกรรมการ ฯลฯ

มารยาทที่ดีควรมีดังนี้
  • แสดงความยินดี ชมเชยกับผู้ที่เล่นได้ดี
  • เล่นอย่างสุภาพ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา เป็นนักกีฬาที่ดี
  • ไม่หยิบอุปกรณ์ของผู้อื่นมาเล่น เครื่องออกกำลังกาย
  • ไม่ทดลองโยนลูกในสนาม
  • ควบคุมอารมณ์ไม่ดีใจหรือเสียใจเกินไป
  • หากมีการผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ว่ากรณีใดๆ ต้องกล่าวคำว่าขอโทษ
  • แต่งกายสุภาพ รัดกุม
  • ปฏิบัติตามกติกา
  • มีความอดทนต่อการฝึกซ้อมและการเล่น
  • หลังจากฝึกซ้อมหรือแข่งขันต้องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
  • รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
  • ปรบมือให้เมื่อผู้ตัดสินลงสนามฃ
  • ปรบมือแสดงความยินดีกับผู้ที่เล่นได้ดี
  • นั่งชมด้วยความสงบ ไม่ส่งเสียงโห่ร้อง
  • ไม่แสดงท่าทางในการยั่วยุ เครื่องออกกำลังกาย
  • ไม่ขว้างปาสิ่งของลงในสนามหากไม่พอใจ
  • ยอมรับการตัดสินของกรรมการ
  • ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก
ที่มา..doohealthy.com

Wednesday, August 14, 2013

เคล็ดลับสำหรับสาวไดเอท







รื่อ งสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับ ผู้หญิงกี่คงหนีไม่พ้นรูปร่างหน้าตา หลายคนมักใส่ใจดูแลสุขภาพผิวพรรณให้ดูดีอยู่เสมอ แต่นอกจากหน้าตาผิวพรรณแล้ว เรื่องรูปร่างก็ยังเป็นอีกเรื่องที่ผู้หญิงเราให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำหนักตัวที่จะส่งผลต่อสรีระของร่างกาย ซึ่งถ้ามีส่วนเกินโผล่ออกมาให้เห็น เป็นต้องร้อนใจหาวิธีลดน้ำหนักกันขนานใหญ่เลยทีเดียว
เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝาก ซึ่งจะช่วยให้การลดน้ำหนักกลายเป็นเรื่องง่าย และทำได้ไม่ยากเย็นอย่างที่คิด ลองมาทำตามกันดูนะคะ
ควบ คุมการกินอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย โดยควบคุมการกินอาหารให้กลายเป็นนิสัย หรือทำให้เคยชิน โดยลดปริมาณการบริโภคไขมันให้น้อยลง แล้วหันมาบริโภคโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตแทน ให้พอเหมาะกับปริมาณที่ร่างกายต้องการ เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมัน ส่วนที่เหลือจากที่ร่างกายต้องการนำไปใช้ จะกลายเป็นส่วนเกินและถูกสะสมในรูปของไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ในแต่ละมื้อควรเลือกกินอาหารที่มีไขมันต่ำ และมีใยอาหารสูง
ออก กำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว ในระยะแรกของการลดน้ำหนัก น้ำหนักส่วนใหญ่ที่ลดลงจะเป็นส่วนของน้ำก่อน หลังจากนั้นในระยะต่อมาถึงจะเป็นคิวของส่วนที่เป็นไขมัน แต่ที่จะลดลงอย่างไม่ได้ตั้งใจนั่นก็คือส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ ซึ่งก็คือโปรตีน หลังจากนั้นน้ำหนักก็จะคงที่ แต่อย่างไรก็ตามควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าหยุดไป จะทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดเลยล่ะค่ะ
ที่มา..shape.in.th

ประโยชน์ของกีฬาปิงปอง







กีฬา เทเบิลเทนนิส หรือ ปิงปอง ที่เรารู้จักกันนั้น ถือเป็นกีฬาที่มีความยากในการเล่น เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเนื่องจากธรรมชาติของกีฬาประเภทนี้นั้น ถูกจำกัดให้ตีลูกปิงปองลงบนโต๊ะของคู่ต่อสู้ ซึ่งพื้นที่บนฝั่งตรงข้ามมีเพียง พื้นที่ แค่ 4.5 ฟุต X 5 ฟุตเท่านั้น และลูกปิงปองยังมีความเบามาก เพียง 2.7 กรัม เท่านั้น และความเร็วในการเคลื่อนที่จากฝั่งหนึ่ง ไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ยังใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีอีกต่างหาก แถมลูกปิงปองที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น ยังมีความหมุนรอบตัวเองอีกด้วย ซึ่งลูกปิงปองที่กำลังเคลื่อนที่มาหาเรานั้น เราจะต้องตีกลับไปอีกด้วย เพราะไม่ตี หรือ ตีไม่ได้ ก็หมายถึงการเสียคะแนนทันที

แต่ในความยากนั้น ก็ย่อมมีประโยชน์สำหรับผู้เล่นเหมือนกัน เครื่องออกกำลังกายเพราะ เป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายร่วมกันทั้งหมด ซึ่งส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ มีดังนี้

1. สายตา : สายตาจะต้องจ้องมองลูกอยู่ตลอดเวลา แต่การจ้องลูกอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอ เพราะจะต้องจ้องมองและสังเกตหน้าไม้ของคู่ต่อสู้อีกด้วยว่า ตีลูกความหมุนลักษณะใดมาหาเรา

2. สมอง : ปิงปอง เป็นกีฬาที่ต้องใช้สมองในการคิดเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องวางแผนการเล่นอีกด้วย

3. มือ : มือที่ใช้จับไม้ปิงปอง จะต้องคล่องแคล่วและว่องไว รวมถึงต้องรู้สึกได้เมื่อลูกปิงปองสัมผัสถูกหน้าไม้

4. ข้อมือ : ในการตีบางลักษณะ จำเป็นต้องใช้ข้อมือเข้าช่วย ลูกจึงจะมีความหมุนมากยิ่งขึ้น

5. แขน : ต้องมีพลกำลังและมีความอดทนในการฝึกซ้อมที่ต้องซ้อมแบบซ้ำและซ้ำอีก

6. ลำตัว : การตีลูกปิงปองในบางจังหวะ ต้องใช้ลำตัวเข้าช่วย

7. ต้นขา : แน่นอนว่าเมื่อกีฬาปิงปองเป็นกีฬาที่มีความเร็วสูง ต้นขาจึงต้องแข็งแรง และเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่ตลอดเวลา

8. หัวเข่า : ต้องย่อเข่า เพื่อเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่

9. เท้า : ต้องเคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปองตลอดเวลา หากเท้าไม่เคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปอง ก็จะทำให้ไม่มีฟุตเวิร์ด และตามตีลูกปิงปองไม่ทัน

จะ เห็นได้ว่า กีฬาเทเบิลเทนนิสจะใช้ทุกส่วนของร่างกายในการเล่น เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความรวดเร็วนั่นเอง และยังไม่รวมถึงจิตใจที่จะต้องมีความเข้มแข็ง อดทน ทั้งในการฝึกซ้อม และ จิตใจที่จะต้องเป็นนักสู้เมื่อลงทำการแข่งขัน เพราะเป็นกีฬาประเภทบุคคลที่จะต้องพึ่งความสามารถของตนเองมากกว่าที่จะต้อง อาศัยเพื่อนร่วมทีม ดังเช่นกับกีฬาประเภททีมอื่นๆ

สำหรับสิ่งที่เป็น เครื่องออกกำลังกายประโยชน์ อื่นๆ ที่จะได้รับติดตามมาก็คือ การมีจิตใจและมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย , การได้มีโอกาสมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เล่นกีฬาในการเข้าศึกษาในสถาบันหรือ โรงเรียนต่างๆ หรือ หากได้มีโอกาสรับใช้ชาติได้ ก็จะเป็นเกียรติต่อทั้งวงศ์ตระกูลรวมทั้งประโยชน์ต่อตนเอง ทั้งชื่อเสียง , ประสบการณ์ในการเดินทางไปแข่งขันในดินแดนต่างๆ หรือ อาจจะสามารถประกอบเป็นอาชีพในประเทศที่มีการเล่นกีฬาปิงปองเป็นอาชีพได้

ครับ... ในเมื่อการเล่นกีฬาประเภทนี้ สามารถให้ประโยชน์ต่างๆ ได้มากมายขนาดนี้แล้ว หันมาเล่นกีฬาประเภทนี้กันให้มากๆ เถอะครับ นี่ยังไม่รวมถึงเป็นกีฬาที่ไม่มีการปะทะกัน การบาดเจ็บจากการเล่นมีน้อย และยังสามารถเล่นได้ต้องแต่อายุยังน้อยจนถึงอายุ 50 , 60 และ 70 ปี ก็ยังมีคนเล่นนะครับ

ที่มา..doohealthy.com

Sunday, August 11, 2013

ออกกำลังกายขณะนั่งรถเมล์








วารสาร “นโยบายสาธารณสุข” ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า ผู้ที่นั่งรถเมล์ไปทำงานเป็นประจำนั้นจะมีสุขภาพแข็งแรงดี มากกว่าคนขับรถเก๋งเสียอีก
รายงานผลการศึกษาของคณะวางแผนชุมชนและ ภูมิภาค มหาวิทยาลัยยูบีซี บอกว่า คนที่นั่งรถเมล์ไปทำงานนั้นจะเท่ากับออกกำลังกาย ได้เท่าเทียมกับขั้นต่ำตามมาตรฐานของมูลนิธิหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองแห่ง แคนาดา มากกว่าผู้ที่ขี่รถเก๋งไปทำงานถึง 3 เท่า เลยทีเดียว
นัก ศึกษาปริญญาเอก นายอูโก ลาชาเพลล์ กับผู้ช่วยศาสตราจารย์ลอเรนซ์ แฟรงค์ ผู้ศึกษาพูดว่า เนื่องจากคนที่นั่งรถเมล์หรือรถไฟไปทำงานนั้น จะต้องเดินจากที่นึงไปอีกที่นึงบ่อยๆ การทำแบบนั้น จะทำให้เขาได้ออกกำลังเท่ากับการออกกำลังขนาดปานกลางวันละ 30 นาที เหมือนดังคำแนะนำ ขณะที่คนขับรถเก๋งจะออกกำลังกายต่ำกว่าระดับมาตรฐานมากที่สุด
ผู้ เชี่ยวชาญในเรื่องนี้กล่าวไว้ว่า ความคิดเรื่องจำเป็นจะต้องไปออกกำลังกายประจำวันที่สถานออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันอย่างที่สุด เพราะการเดินนั้นเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด
ทางคณะนักวิจัยได้ผล สรุปว่า ควรที่จะส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางโดยรถเมล์ให้มากขึ้น เพราะเนื่องจากจะเป็นการประหยัดแล้ว ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงและไม่อ้วนอีกด้วย

ที่มา..shape.in.th

มารยาทของผู้เล่น และผู้ดูกีฬาบาสเกตบอลที่ดี







มารยาท ของผู้เล่นบาสเกตบอลควรมีความรู้เรื่องระเบียบและกฎกติการเล่น ควรแต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมต่อการเล่นหรือการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล ฯลฯ และสำหรับมารยาทของผู้ชมบาสเกตบอลที่ดี ก็ควรไม่กระทำตัวเป็นผู้ตัดสินเสียเอง เช่น ตะโกนด่า ใช้สิ่งของขว้างปานักกีฬา ผู้ตัดสิน ผู้ชม หรือคัดค้านการตัดสิน ฯลฯ

มารยาทของผู้เล่นกีฬาบาสเกตบอลที่ดี

1. มีความรู้เรื่องระเบียบและกฎกติกาการเล่น
2. แต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมต่อการเล่นหรือการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล
3. เล่นกีฬาด้วยความสนุกสนานและมีมารยาท มีความสุภาพทั้งกิริยาท่าทางตลอดจนคำพูด เครื่องออกกำลังกาย
4. ให้เกียรติและเชื่อฟัง ยอมรับคำตัดสินของผู้ตัดสิน
5. มีน้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักให้อภัย
6. เป็นผู้ที่ตรงต่อเวลา
7. ไม่ควรดูถูกความสามารถผู้อื่น จะด้วยวาจาหรือท่าทาง
8. ควรแสดงความยินดีและชมเชยเมื่อผู้เล่น เล่นได้ดี
9. ควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้เล่นบ้างเมื่ออุปกรณ์มีจำกัด
10. ไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการยั่วยุหรือกลั่นแกล้งผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม
11. ต้องเล่นตามระเบียบตามกติกาที่กำหนดไว้
12. เชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้าทีมหรือผู้ฝึกสอน และต้องปฏิบัติตาม
13. มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย
14. รู้จักระงับอารมณ์เมื่อเกิดการยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม
15. ไม่ครอบครองลูกบอลแต่เพียงผู้เดียวต้องแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมบ้าง
16. เมื่อเล่นกีฬาแพ้หรือชนะไม่ควรดีใจหรือเสียใจจนเกินไป
17. การเล่นกีฬาต้องเล่นอย่างสุดความสามารถไม่ว่าตนเองจะเป็นฝ่ายแ้พ้หรือชนะ
18. หลังจากการแ่ข่งขันแล้วไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะจะต้องฝึกซ้อมให้ดียิ่งขึ้น
19. มีความตั้งใจในการฝึกซ้อม และมีความอดทน
20. ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ในขณะฝึกซ้อมหรือแ่งขัน
21. หลังจากฝึกซ้อมแล้วต้องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย

มารยาทของผู้ชมกีฬาบาสเกตบอลที่ดีี

1. ปรบมือแสดงความยินดีแก่ผู้เล่นที่เล่นได้ดี ผู้เล่นมีมารยาทดี ทีมชนะการแข่งขันหรือผู้เล่นที่ได้รับรางวัล
2. ไม่แสดงอาการหรือส่งเสียงยั่วยุจนทำให้ผู้เล่นหรือกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามเกิดโทสะ
3. ไม่กระทำตัวเป็นผู้ตัดสินเสียเอง เช่น ตะโกนด่า ใช้สิ่งของขว้างปานักกีฬา ผู้ตัดสิน ผู้ชม หรือคัดค้านการตัดสิน
4. ไม่ควรสูบบุหรี่หรือเสพเครื่องดื่มมึนเมาขณะชมการแข่งขัน
5. ไม่แสดงกริยาท่าทาง ส่งเสียง ยั่วยุอันเป็นอุปสรรคต่อการเล่นของผู้เล่น และผู้ตัดสิน
6. นั่งดูด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยในที่ที่จัดไว้ ไม่ยืนเกะกะบังผู้อื่น
7. ปรบมือให้เกียรติเมื่อกรรมการผู้ตัดสินและนักกีฬาลงสนาม เครื่องออกกำลังกาย
8. ควรศึกษากฏกติกาการแข่งขันกีฬาที่ตนดูเป็นอย่างดี
9. การชมเป็นหมู่คณะ ควรนั่งรวมกันเป็นกลุ่มและเชียร์ด้วยเพลงสุภาพ
10. ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในเมื่อเกิดเหตุความวุ่นวายในสนาม
11. สนับสนุนให้กำลังใจและให้เกียรตินักกีฬาทุกชนิดเพื่อเป็นการส่งเสริมการกีฬาของชาติ
12. ไม่ควรเปล่งวาจาสนับสนุนผู้เล่นในทางที่ผิด

Saturday, August 10, 2013

9วิธีลดพุงให้ยุบแบบฉับพลัน








บอกลา ความอ้วน ในสวยใสๆสๆไตล์แม่หมอวันนี้ หลังจากลุยน้ำท่วมกันมาพอสมควร เห็นทีแม่หมอจะขอชวนเพื่อนๆกลับมาดูแลตัวเองกันซะหน่อย พูดถึงความสวย ก็ต้องนึกถึงหุ่นที่เป็นออปชั่นสำคัญจริงมั๊ยคะ  ว่าแล้วแม่หมอเลยมีเคล็ดลับการลดพุงมาฝากเพื่อนๆ  ........  เพราะว่าไปแล้วก็เป็นปัญหากวนใจแม่หมออยุ่เหมือนกัลล์ละคร้า  แหมก็วันๆเอาแต่นั่งทำงาน วันละ7-8ชั่วโมง ไม่ได้ลุกไปไหน พุงก็กองอะซิคะ  ไม่ได้แระ ปล่อยไว้ไม่ได้การแน่ๆแล้วเชียว  เห็นทีต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกำจัดพุงดีกว่า  แม่หมอก็เลยไปรวบรวมสารพัดวิธี มาเผื่อเพื่อนๆด้วย ตามมาดูกันเลยค่ะ

1. ลดอาหารเย็น หรือรับประทานก่อน6โมงเย็น เน้นผักผลไม้ ถ้าเนื้อสัตว์ ก็ขอให้เป็นปลา ส่วนแป้ง งดค่ะ มื้อนี้ ไร้คาร์โบไอเดรตนะคะ

2. ฝึกแขม่วท้อง ซึ่งก็เป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆเลยค่ะ ทำได้ทุกที่ และทุกสถานการณื  ก็จะช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานได้โดยไม่ยาก และยังทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นด้วยนะคะ

3. SIT UP วันละ 100ครั้ง  อาจดูยากไปจี๊สนะคะแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป   แม่หมอมี option ให้ค่ะ แบ่งเป็นเซ็ทๆละ20 ครั้งก่อนก็ได้ หรือถ้านอน อุปกรณ์ออกกำลังกาย sit up ราบกะพื้นยากไป ก็เริ่มจากชันเข่าก่อนก็จะง่ายขึ้นค่ะ 

4.หาเรื่อง เดิน หรือวิ่ง ขึ้นลงบันไดที่บ้านบ่อยๆ  หรือ ถ้าจะให้ง่ายกว่านั้น ก็พยายาม ลุก-นั่ง ลุกนั่ง อย่านั่งแช่กับที่นานๆ ก็จะทำให้ หน้าท้องได้ขยับบ่อยๆนะคะ ไขมันจะได้ไม่จับกันเป้นก้อนอะค่ะ

5. หาเข็มขัดลดความอ้วนมาสั่น ให้รู้สึกว่าไขมันที่เกาะหนาอยู่แตกตัว พร้อมจะถูกดึงเอาไปใช้เป็นพลังงาน  

6.ฝึกนั่งบนฟิตเนสบอลหรือ จิมบอล การนั่งบนลูกบอลฟิตเนสลูกโต ๆ อาจจะทรงตัวยากหน่อย แต่ก็จะช่วยให้เราเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้องไปโดยอัตโนมัตินะคะ  

7.หมุนอุปกรณ์ออกกำลังกายจานทวิสเล่น ตอนดูทีวี  อันนี้ได้ทั้งเอวและหน้าท้องเลยละค่ะ  หมุนไปหมุนมาเพลิดเพลินดีเหมือนกันนะคะ

8.เข้านอนให้เร็วขึ้น ไม่ให้เกิน 4 ทุ่ม จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญพลังงานออกมานะคะ และการพักผ่อน ที่เพียงพอนอกจากจะทำให้ระบบเผาผลาญปกติแล้วยังทำให้หน้าตาเราสดใสอีกด้วยละ ค่ะ  

9. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8แก้ว ถ้าจะให้ดี เป้นน้ำอุ่นๆ หรือ น้ำในอุณหภูมิห้องก็จะดีนะคะ  น้ำช่วยให้เราขับของเสียออกจากร่างกาย และสามารถลดความอ้นไปด้วยในตัวค่ะ
เป็นงัยคะ 9 วิธีลดพุงของแม่หมอ ที่สำคัญคือเราต้องไม่ขี้เกียจอะค่ะ พยายามหาactivities ทำ แล้วก็อย่าผลัดแบบ เอาไว้ก่อนๆ อย่างงี้ท่าจะหุ่นดียากละค่ะ .... สู้ๆนะคะเพื่อนๆ ความสวยทำได้ค่ะ คอนเฟิร์ม

ปราบโรคอ้วนให้อยู่หมัดด้วย บันได







นัก วิจัยชาวสหรัฐฯ ค้นพบวิธีการสู้กับความอ้วน โดยการให้ใช้บันไดขึ้นลงตึกแทนลิฟต์ โดยเชื่อกันว่ามันจะเป็นหนทางทำให้ชีวิตของเรานั้นมีความเข้มแข็งว่องไว กระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น
นักวิทยาศาสตร์สุขภาพ นั้นกำลังคิดค้นหาวิธีที่จะใช้บันไดตามอาคารบ้านเรือน เป็นอาวุธต่อสู้กับโรคอ้วน โดยหัวหน้าคณะศึกษา ดร.อิชัค เอ.มันซี่ ศูนย์วิทยา-ศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียนา แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้บอกไว้ว่า คณะนักวิจัยมุ่งที่จะปรับปรุงแบบ และทำเลที่ตั้งบันได เพื่อให้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้กับโรคอ้วน
“เราจะต้องออกแบบบันได ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการประสานกัน ทั้งทางด้านสถาปัตย์และทางด้านกฎหมาย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับชีวิตที่คล่องแคล่ว ว่องไว” ออกกำลังกาย
ทาง คณะนักวิจัยมีความเชื่อว่า การส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือบันไดเลื่อน นั้นจะเป็นหนทางที่ทำให้ชีวิตของเรานั้นมีความเข้มแข็งว่องไวยิ่งขึ้น และได้ชี้ว่าการเคลื่อนไหวร่างกาย ตั้งแต่ขนาดเบาไปจนถึงปานกลางนั้น เป็นวิธีการส่งเสริมให้ผู้คน ที่ปัจจุบันที่มักจะไม่ค่อยเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงนัก ออกกำลังกาย ซ้ำยังอ้วนอีกด้วยได้เคลื่อนไหวร่างกายตนเอง
รายงานการศึกษาบรรยาย ไว้ว่า ยังมีวิธีการง่าย ๆ เพื่อที่จะส่งเสริมให้คนพากันใช้บันไดให้ให้มากขึ้น ซึ่งได้ค้นพบกันอีกหลายวิธี ตั้งแต่การสร้างขั้นบันไดให้กว้างขึ้น และแต่ละขั้นก็อย่าสูงเกินไปนัก นอกจากนั้นถ้ามีการติดเครื่องปรับอากาศ และเปิดเพลงให้ฟังตลอดการขึ้นบันไดก็จะยิ่งดี

ที่มา..shape.in.th

มารยาทที่ดีของผู้เล่น และผู้ดูกีฬาวอลเลย์บอล









มารยา ที่ดีของผู้เล่นวอลเลย์บอล เช่น แต่งกายให้เหมาะสม และใส่เครื่องแบบชุดกีฬาของทีมตนให้ถูกต้องเมื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ฯลฯ และสำหรับมารยาทที่ดีของผู้ดูกีฬาวอลลเลย์บอล เช่น การนั่งชมกีฬาด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ยืนกีดขวาง หรือเกะกะผู้อื่น เราจะมาอธิบายกันดังนี้

มารยาทที่ดีของผู้เล่นกีฬาวอลเลย์บอล

การเล่นกีฬาทุกชนิดมีจุดประสงค์เพื่อ พัฒนาร่างกาย จิตใจ และคุณภาพชีวิตให้เจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเล่นกีฬาจะช่วยให้ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน ลดความตึงเครียด เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ กีฬาวอลเลย์บอลก็มีจุดประสงค์เช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เล่นจะพบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายได้ ก็ควรจะต้องมีมารยาทในการเล่นกีฬา เครื่องออกกำลังกาย วอลเลย์บอลที่ดี ดังต่อไปนี้
1. แต่งกายให้เหมาะสม และใส่เครื่องแบบชุดกีฬาของทีมตนให้ถูกต้อง เมื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
2. เล่นและปฏิบัติตนตามกติกาอย่างเคร่งครัด
3. เล่นอย่างมีมารยาทต่อผู้เล่นทุกคนและทุกฝ่าย
4. ให้เกียรติต่อผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้าม
5. ให้เกียรติต่อผู้ชมตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
6. ไม่แสดงกิริยาที่ไม่สุภาพ และพูดจาโต้เถียง ก้าวร้าวต่อผู้อื่น
7. ใจคอหนักแน่น อดทนอดกลั้น รู้จักควบคุมอารมณ์เมื่อเกิดโทสะได้
8. ผู้เล่นต้องยอมรับ และเคารพคำตัดสินของผู้ตัดสิน
9. ผู้เล่นต้องเชื่อฟัง เคารพคำสั่งของหัวหน้าทีม และผู้ฝึกสอน
10. ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดเต็มความสามารถของตน
11. เมื่อชนะก็ไม่ควรดีใจจนเกินไป และไม่ทับถม เยาะเย้ยฝ่ายที่แพ้
12. เมื่อแพ้ก็ไม่เสียใจจนเกินไป ค้นหาจุดด้อยของตนเอง และปรับปรุงพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น
13. รู้จักให้อภัย ไม่ติเตียนกล่าวโทษเพื่อนร่วมทีม และถึงแม้เพื่อนร่วมทีมจะทำผิดพลาดก็ไม่ควรแสดงอาการไม่พอใจ
14. ไม่สร้างความเดือดร้อน รำคาญใจให้กับผู้อื่น

มารยาทที่ดีของผู้ดูกีฬาวอลเลย์บอล

ผู้ดูกีฬาถือว่าเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ของกีฬาทุกประเภท ผู้ดูกีฬาช่วยให้ผู้เล่นมีกำลังใจ ช่วยให้เกมกีฬาต่าง ๆ มีความสนุกสนานมากขึ้น และมีความจำเป็นต่อการพัฒนาการกีฬาให้ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการไปเชียร์เพื่อให้กำลังใจทีมของตน หรือไปดูเพื่อความเพลิดเพลินของตนและหมู่คณะ ผู้ดูที่ดีก็ควรจะต้องปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม เพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนอกจากจะส่งผลเสียต่อตนเอง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ดูกีฬาคนอื่น ยังทำให้เสียอรรถรสในการชมกีฬาของทั้งตนเองและผู้อื่นอีกด้วย โดยมารยาทที่ดีที่ผู้ดูกีฬาวอลเลย์บอลควรมี ได้แก่
1. นั่งชมกีฬาด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ยืนกีดขวาง หรือเกะกะผู้อื่น
2. ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น และไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนนักกีฬา ในเวลาที่นักกีฬาต้องการสมาธิ
3. เมื่อนักกีฬาและผู้ตัดสินลงสู่สนาม ผู้ดูควรปรบมือเพื่อเป็นการให้เกียรติ
4. หากผู้เล่นเล่นได้ดี ควรปรบมือเพื่อเป็นการชมเชย และให้กำลังใจ
5. แม้ทีมที่ชนะจะไม่ใช่ทีมของตนเอง ผู้ดูที่ดีควรปรบมือเพื่อแสดงความยินดี
6. ควรปรบมือให้นักกีฬาที่ยอมรับคำตัดสินของผู้ตัดสิน
7. ควรปรบมือให้กับผู้ตัดสินด้วย เมื่อผู้ตัดสินทำการตัดสินได้ถูกต้อง
8. ปรบมือให้ผู้เล่น เมื่อผู้เล่นได้รับการประกาศชื่อ หรือได้รับรางวัล
9. ไม่แสดงกิริยาโวยวาย พูดจาหยาบคาย ก้าวร้าว
10. ไม่โยนหรือขว้างปาสิ่งของลงไปในสนามแข่ง ใส่ผู้เล่น รวมถึงผู้ตัดสินในสนาม
11. ไม่ทะเลาะวิวาทกับผู้เล่น หรือผู้ชมคนอื่น เครื่องออกกำลังกาย
12. ไม่ทำตนเป็นผู้ตัดสิน หรือแทรกแซงการตัดสิน รวมทั้งการทำงานของเจ้าหน้าที่
13. หากไปเป็นหมู่คณะ ควรนั่งรวมกันในกลุ่มของตนเชียร์กีฬาด้วยถ้อยคำสุภาพ ไม่เชียร์ในสิ่งที่เป็นการเสียดสีในทางไม่ดีต่อทีมใดทีมหนึ่ง
14. ช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ กรณีเมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่สงบเกิดขึ้น
15. ช่วยตักเตือน ห้ามปรามเมื่อหมู่คณะของตนเองกระทำผิด
16. แต่งกายอย่างเหมาะสม ถูกกาลเทศะ
17. ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดก่อนและขณะดูกีฬา
ที่มา..doohealthy.com

Friday, August 9, 2013

เทคนิคหุ่นเพียว หลังปาร์ตี้จัดหนัก




เทศกาล ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ถ้าใครเผลอตามใจปากกินเกินลิมิตไปหน่อย ต้องคงต้องรีบกลับมาฟิตหุ่นกันด่วนจี๋เลยละสิ ขืนถ้าเราปล่อยทิ้งไว้นาน ๆแล้วละก้อ เดี๋ยวมันจะสายเกินแก้เอานะ ผู้อำนวยการด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 “นพ.วิชัย เดชะทัตตานนท์” มีเทคนิคดีๆเพื่อหุ่นสวย และสุขภาพดี หลังสนุกกับปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาฝาก
เทคนิคแรก ในการลดพุงหลังจากงานปาร์ตี้ คุณหมอได้แนะนำไว้ว่า ควรงดการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตทุกชนิด ออกกำลังกายไม่ ว่าจะเป็น ข้าว ขนมปัง แป้งพิซซ่า เค้ก หรือขนมหวาน แล้วหันมาเลือกทานผักผลไม้ ในสัดส่วน 80% ต่อโปรตีน 20% และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานทุกชนิด
นอกจาก นั้น ก็ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด และอาหารที่มีรสหวาน ถ้าอยากกินเพียงนิดหน่อยแต่อิ่มได้เร็ว คุณหมอแนะนำว่าให้เคี้ยวช้า ๆ เพราะสมองของเรานั้นจะสั่งให้เราอิ่มภายใน 20 นาที นับจากที่เราเริ่มกินอาหาร คนที่กินเร็วจะได้ปริมาณแคลอรีมากกว่าคนที่กินอย่างช้าๆ พิถีพิถัน
ถ้า เราดื่มน้ำเปล่า แทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม ก็จะช่วยลดไขมันได้อย่างทันตาเห็นเลยทีเดียว เพราะว่าเครื่องดื่มเหล่านี้เพียงแก้วเดียวนั้นให้พลังงานถึง 300 แคลอรี เทียบไม่ได้เลยกับน้ำเปล่าที่ให้พลังงานเพียงแค่ 10 แคลอรีเท่านั้น
วิธี สุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องออกกำลังกายหลัง อาหารประมาณ 1 ชั่วโมง มันจะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีที่สุด ทำให้เหลือแคลอรีติดร่างกายในปริมาณที่น้อยมาก และยังไปช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนยับยั้งความอยากอาหารด้วย โดยการออกกำลังกายให้ได้ผลคือ ต้องออกกำลังกายในแต่ละครั้งให้มากกว่า 30 นาทีขึ้นไป จึงจะสามารถเผาผลาญแคลลอรี่ และทำให้พุงยุบได้ทันตา แม้จะไปปาร์ตี้หนักๆมาก็ตาม

ที่มา..shape.in.th