Sunday, June 30, 2013

อาหารที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่

เรื่องกินถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญของสาวๆ ทุกคน ถึงแม้ว่าเรื่องลดน้ำหนักจะเป็นเรื่องใหญ่และเป็นความปรารถนาของผู้หญิงแต่เมื่อเจอของกินเท่านั้นแหละ ทุกอย่างชั่งมัน เดี๋ยวค่อยลด นั่นเป็นไงไป แล้วเมื่อไหร่หุ่นจะเป๊ะอย่างที่ต้องการหล่ะคร้าเนี๊ย โอ้ยๆๆ เอ๊ะแต่จะว่าไปแล้วเรื่องกินนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยนะค่ะถ้าแบบว่าเรากินอาหารถูกนะ อะๆ ไม่ใช่ราคาถูกนะค่ะ อิอิ ที่บอกไปว่าอาหารถูกนั้นก็คือ อาหารที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ นั่นเองค่ะ แอ๊ะ เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ คืออะไร หลายๆ คนนั้นก็อาจจะกำลัง งง สงสัยเบาๆ ว่า เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ หน้าตาเป็นยังงัย ใช่อาหารแบบที่เรากินมั้ย อะเมื่อเกิดคำถาม N3K ก็เลยจะมาตอบคำถามให้ค่ะวันนี้เราจะมา เผย...เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ ถ้าอยากรู้ว่า เผย...อาหารที่ช่วยเผาผลายแคลอรี่ นั้นเป็นอย่างไร แล้วมีอะไรบ้าง งั้นก็ตามมาดูเลยค่ะ

อาหารที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่

1. หน่อไม้ฝรั่ง
กรดแอสพาราจีนในหน่อไม้ช่วยทำให้ผอมได้ แต่กรดเหล่านี้เพียงช่วยขับน้ำออกเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาพลาญไขมัน
2. สาหร่ายและชาสาหร่าย
ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับกรดแอสพาราจีน คือขับน้ำและของเสียออกจากร่างกาย ส่วนการเผาพลาญไขมันนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า สามารถเผาพลาญได้จริงหรือไม่
3. พริก
ในพริกมีสารรสเผ็ดร้อนที่ชื่อแคปไซซิน ช่วยเพิ่มความร้อนในร่างกาย เพลิงร้อน ตัวนี้สามารถช่วยเผาพลาญไขมัน ฉะนั้นถ้าใครกินเผ็ดได้ ก็เหยาะพริกป่นลงไปหน่อย หรือรับประทานพริกสดที่ซอยบางๆ ร่วมกับอาหารด้วยก็ดี

4. กาแฟ
กาเฟอีนช่วยกระตุ้นเอ็นไซม์ซึ่งมีหน้าที่เผาพลาญไขมัน ดังนั้น เราควรจะดื่มกาแฟเป็นประจำ แต่ไม่ควรดื่มมาก แค่มื้อเช้าดื่มหนึ่งแก้ว หลังอาหารเที่ยงดื่มอีกหนึ่งแก้ว ก็พอแล้ว

5. ไวน์แดง
หากดื่มในปริมาณน้อย สารบางอย่างในไวน์แดง ก็อาจจะช่วยขัดขวางการดูดซึมไขมันได้บ้าง อย่างไรก็ดีไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะไวน์แค่ครึ่งแก้วสามารถให้พลังงานได้ถึง 72 แคลอรี่

6. ชาเขียว

จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยไฟร์บวร์ก ประเทศเยอรมนี ยืนยันว่าการดื่มชาเขียวเป็นประจำในปริมาณวันละสี่แก้ว สามารถช่วยกระตุ้นการเผาพลาญไขมันได้ และดีต่อสุขภาพอีกด้วย
ที่มา.. นิตยสาร Spicy

เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง



การมีหน้าท้องเป็นอะไรที่แบบว่า เอิ่ม จะพูดยังงัยดี มันเป็นอะไรที่อธิบายยากนะ แบบว่ามีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะเข้าใจกัน โถ๊ๆ แบบว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสารและน่าเห็นใจฝุดๆ แง๊ๆ .....เอิ่ม เริ่มดราม่าแล้ว แค่มีพุงนี่นะโอ้วน้อวว เกิดเป็นผู้หญิงนี่ลำบากแท้ (คนละเรื่องแล้วมั้ย) เข้าเรื่องเลยนะค่ะก็ที่บอกว่าผู้หญิงมีหน้าท้องแล้วมันแบบพูดยากก็คือว่า การมีหน้าท้องก็คือมีส่วนเกินที่ยื่นออกมาทำให้การแต่งตัวของสาวๆ นั้นดูยากขึ้น จะใส่อะไรรัดรูปก็ไม่ได้ จะโชว์แบบเอวลอย เอิ่ม...ไม่ไหวนะ จะให้ใส่เสื้อผ้าแบบหลวมๆ แล้วจะมีผู้หญิงที่ไหนจะทนใส่หล่ะค่ะจริงไหมหล่ะ แต่ถ้าจะให้ออกกำลังชีก็ม๊ายยเอา จะให้ลดอาหาร โอ้วเรื่องใหญ่จร้า ถ้าหาทางออกไม่ได้ งั้นนั่งนิ่งๆ แล้วฟัง วันนี้ N3K จะมา แนะนำ "เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง" ให้สาวๆ ได้ฟินกันค่ะ อะๆ เป็นไงหล่ากินไปก็ลดหน้าท้องได้ เจ๋งประหล่ะ อิอิ อะงั้นเอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยไหมค่ะว่า เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง ที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง จะเป็นเครื่องดืมที่สาวๆ ชอบกันมั้ยน๊า...ไปดูกันเลยค่ะ

เครื่องดื่มช่วยลดหน้าท้อง

1. ชามินต์
ใส่น้ำแข็ง รสเย็นของมิ้นต์จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มินต์มีส่วนช่วยย่อยสลายไขมัน แถมลดอาการท้องอืดได้ด้วย

2. ชาเขียว
นอกจากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคหัวใจ ชาเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอดตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ถ้าคุณจิบชาเขียวก่อนออกกำลัง มันจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกายด้วย

3. น้ำเปล่าเสริมรส
เคยได้ยินไหมคะว่าจะลดน้ำหนักต้องดื่มน้ำมากๆ เพราะจะช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยให้รู้สึกอิ่มทำให้กินน้อยลง

4. เฟลปเป้สับปะรด
ในสับปะรดมีสารซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนี้ การใส่น้ำมันเมล็ดเฟล็กซ์ ซึ่งมีไขมันโมเลกุลเดี่ยวไม่อิ่มตัวก็จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้แบบไม่ต้องเหนื่อยซิทอัพ

5. สมูธตี้แตงโม
แก้วนี้ช่วยให้เราสดชื่นซาบซ่าได้เป็นอย่างดี แก้วหนึ่งมีแคลอรี่ต่ำเพียง 65 แคลอรี่ แถมยังมีสารอาหารที่ช่วยต้านมะเร็งรวมถึงกรดอะมิโน ที่ชี้ว่ามันช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อจึงช่วยให้หน้าท้องของคุณแฟบลงนั่นเอง

6. ดาร์กช็อกโกแลตเชค
ฟังดูขัดๆ ไช่ไหมคะ แต่ดาร์กช็อกโกแลตช่วยให้คุณผอมได้ด้วยการลดอาการอยากอาหารชนิดอื่น แต่จำไว้นะว่าแก้วหนึ่งมีถึง 400 แคลอรี่ จึงเหมาะจะเป็นอาหารเช้ามากกว่าของว่าง ดื่มเล่นๆ แต่พุงจะมาด้วยแบบไม่ขำนะคะ
ที่มา..นิตยสาร Spicy 

รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน



อากาศร้อนๆ แบบนี้ถ้าได้ไอติมหวานๆ หอมๆ เย็นสักถ้วยก็คงจะดีมากๆ คงจะชื่นใจฝุดๆ แต่สำหรับสาวๆ แล้วนั้นรู้ได้ทันทีเลยว่าไอติมเนี๊ยตัวอ้วนเลยจร้า แต่ก็ชอบกินอะนะ แล้วยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้อย่าให้พูดเลยค่ะต้องการมากๆ อ้วนก็ยอมอะบ่องตง แต่ก็ไม่ใช่เสมอไปหรอกนะค่ะที่แบบว่ากินไอติมแล้วจะอ้วน ถ้าเราเลือกกิน อะ พูดว่าเลือกกินไอติมเชื่อว่าหลายๆ คนตอนนี้นั่ง งง อะ เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกกินไอติมยังงัยให้ไม่ให้อ้วนใช่ไหมหล่ะค่ะ โหวว ง่ายๆ มากกๆ เลยค่ะ เราก็เลือกจาก รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน สิค่ะ อะ งง ไปใหญ่ ที่จะบอกก็สั้นๆ เลยค่ะ ถ้าอยากจะกินไอติมของโปรดให้ไม่อ้วน เราก็เลือกจากรสชาติของไอติมไงค่ะ หาย งง ยัง ถ้ายังไม่หาย N3K จะพาสาวๆ ทั้งหลายไปดู ไปพิสูจน์กันว่า รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน เนี๊ย มีจริงๆ น๊า แล้ว รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน จะมีรสชาติไหนบ้าง เอ... จะใช่รสชาติที่คุณสาวๆ ชอบมั้ยน๊าา เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่า รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน มีสชาติไหนหันบ้าง ไปดูเลยจร้า

รสชาติของไอติมที่ ....กินแล้วไม่อ้วน

Frozen Yogurt
สาวๆ หลายคนรู้จักเจ้า Frozen yogurt นี้เป็นอย่างดี เพราะมีขายกันเยอะแยะมากมาย ไอติมชนิดนี้เป็นไอติมที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์และส่วนใหญ่ไขมันจะต่ำสุดๆ เลย เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไดเอท รสชาติอร่อย ชื่นใจ

Sherbet

ไอศกรีม ผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ น้ำตาล และไข่ขาว และไม่ใส่นมหรือครีม แต่บางทีเราก็จะพบไอติมเชอร์เบทที่มีส่วนผสมของนมหรือครีมบ้าง เพื่อให้เนื้อของไอติมแน่นและเข้มข้นขึ้น เวลาที่สาวๆ กินก็นิยมกินพร้อมผลไม้สด ซึ่งเลือกได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้รสเปรี้ยวหรือรสหวาน

Soft – Serve
ไอศกรีม นมเนื้อเนียนนุ่ม ส่วนผสมจะต่างจากไอติมธรรมดา ความเก๋ของ ไอศกรีม ชนิดนี้อยู่ที่ปริมาณไขมันที่ต่ำกว่าไอติมทั่วไป ไม่ต้องแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ แต่จะนำส่วนผสมใส่เครื่องแล้วบีบใส่โคนหรือถ้วยเสิร์ฟได้เลย ความเก๋อีกอย่างคือเนื้อของไอติมชนิดนี้จะบางและเบา เพราะผ่านการตีในเครื่องจนเนื้อไอติมฟูและมีอากาศอยู่ในเนื้อไอติมอยู่มาก เวลาที่เรากินไอติมซอฟท์เสิร์ฟ 1 ถ้วย ปริมาณเนื้อไอติมจริงๆ จึงน้อยกว่าไอติมทั่วไป จึงจัดเป็นไอศกรีม ที่เหมาะกับสาวๆ ที่กำลังไดเอทค่ะ

Sorbet

Sorbet นี่เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกับ Sherbet แค่ชื่อก็คล้ายกันมากๆ แล้ว ยังเป็นไอติมที่กินได้ในช่วงลดน้ำหนักเหมือนกันอีกด้วย โดยชอร์เบทเป็นไอติมที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ น้ำตาล อาจมีส่วนผสมของเหล้าหรือกาแฟด้วยก็ได้ แต่ไม่มีส่วนผสมของนมและไข่ขาวเหมือน Sherbet แต่รสชาติอร่อยแถมไม่มีไขมันหรือแคลอรีสูงๆ

แต่อย่าเพิ่งดีใจไป แม้ว่า ไอศกรีม เหล่านี้จะกินได้สบายๆ ในช่วงลดน้ำหนัก แต่ก็ควรคุมให้กินแต่พอดี ไม่ใช่เห็นว่ากินได้เลยซัดโฮกซะเต็มที่ ต่อให้เป็น ไอศกรีม ที่ไขมันต่ำยังไง ถ้ากินเยอะๆ ก็อาจจะอ้วนได้เหมือนกัน…


 ที่มา ..นิตยสาร Spicy 

เคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้ขาสวย




ขาเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่แบบว่าไม่ค่อยได้รับการดูแลและถูกมองข้าม แต่ขาเป็นอวัยวะที่แบบมามีประโยชน์ต่อคนเราอย่างที่สุด ถ้าแบบว่าไม่มีขานี่ถึงกับลำบากก็ว่าได้เลยจร้า แต่ก็นะหลายๆ คนนั้นมักที่จะลืมให้ความสนใจกับขาของเราอยู่บ่อยๆ ถ้าขาพูดได้ก็คงจะบอกว่า ดูแลเรามั่งเถอะ อะไรประมาณนี้ เอ้าแล้วถ้าเกิดเราจะดูแลหรือว่าบริหารขา เราจะทำยังงัยหล่ะค่ะ วิ่งหรอก หรือว่านวด เอ๊ะ....มันมีวิธี บริหารขา แถมช่วยให้ขาสวยด้วยหรอค่ะเนี๊ย มีรึป่าว มีสิค่ะะเพราะว่าอวัยวะทุกส่วนในร่างการขอเรานั้นทำงานหนัก เพราะฉะนั้นแล้วอวัยวะทุกส่วนจึงต้องมีการบริหาร แล้ววันนี้ทาง N3K ก็เลยมี เคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้ขาสวย มาแนำนำกันค่ะ สำหรับ เคล็ดลับ "บริหารขา" นี้ก็ไม่ต่างกับการออกกำลังกายขาดีๆ นี่เองค่ะ เป็นการ บริหารขา ก่อนนอนที่ไม่ยากและไม่อยากให้หลายๆ คนพลาด งั้นเอาเป็น่าตอนนี้เราได้ทำตาม เคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้้ขาสวย ที่เรานำมาฝากในวันนี้กันเลยดีกว่านะค่ะ

แนะนำเคล็ดลับ "บริหารขา" ช่วยให้ขาสวย

วิธี บริหารขา ก่อนเข้านอน มีดังต่อไปนี้

1. นอนหงายกับพื้น หาหมอนรองก้นไว้กันเจ็บ

2. ยกขาทั้งสองขึ้น เหยียดให้ตรง ค้างไว้ 2 นาที

3. ยังยกขาอยู่ แยกขาออกจากกัน แล้วหุบขาชิด ทำไปมา 20 ครั้ง

4. ปั่นจักรยานกลางอากาศสัก 100 ครั้ง
5. เปลี่ยนท่า นั่งกับพื้น เหยียดขา จากนั้นตีขาไปมากับพื้น 100 ครั้ง
ถ้าอยากให้ขาเล็กลง ก็ลองปฏิบัติตามวิธีที่แนะนำก็ได้


ที่มา..นิตยสาร Spicy

Saturday, June 29, 2013

เข็มขัดกระชับสัดส่วน


คุณสมบัติ
1. สะดวกในการใช้งานสามารถเลือกใช้ไฟบ้าน หรือแบตเตอรี่ก็ได้
2. แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นาน 15 ชั่วโมง เมื่อชาร์ตแบตเตอรี่ประมาณ 30 นาที
3. สามารถป้อนข้อมูลของผู้ใช้เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง
4. สามารถใช้ตามจุดที่ต้องการได้ เช่น ส่วนเอว สะโพก แขน และหน้าอก
คำเตือน 1.ใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
2. อาจทำให้เกิดการช็อกหมดสติ จากการทำงาน ผิดปกติของเครื่องหรืออาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของร่างกายจากการรั่วของกระแสไฟฟ้า
3. ใช้แทนการออกกำลังกายไม่ได้
ข้อควรระวัง
1. ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
2. ผู้ที่มีความดันโลหิตผิดปกติ
3. บริเวณที่มีความผิดปกติของผิวหนัง เช่น ผื่นแดง มีอาการอักเสบหรือติดเชื้อ เป็นต้น
4. แรงสั่นสะเทือนที่มากเกินไปหรือใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลทำให้เกิดการบาดเจ็บได้โดยเฉพาะในรายที่มีอาการบาดเจ็บเดิมอยู่แล้ว เช่น มีอาการปวดหลังจากการผิดปกติของกระดูกสันหลังและเส้นประสาท
5. อาจทำให้เกิดการตีบ/อุดตันของเส้นเลือดได้
6. ด้านหน้าลำคอและศีรษะบริเวณที่เป็นปุ่มกระดูก
7. ภายหลังการใช้เครื่องมือติดต่อเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดระบบประสาทรับสัมผัสผิดปกติ
ข้อห้ามใช้ 1. บริเวณทีี่มีแผลบาดเจ็บหรือแผลเปิด
2. ผู้ที่มีอาการอักเสบของหลอดเลือดดำ(Thrompophlebitis)
3. บริเวณที่มีเลือดออกหรือภาวะเลือดออกง่ายหรือปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือดบริเวณที่มีความผิดปกติของหลอดเลือดหรือระบบการไหลเวียนของหลอดเลือด(Circulatory Dysfunction) เช่น เส้นหลอดขอด (Varicose Vein) ผู้ที่มีอาการอักเสบของหลอดเลือดดำ(Thrompophlebitis)
4. สตรีมีครรภ์หรือระยะให้นมบุตร
5. ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับข้อหรือกระดูกภาวะกระดูกพรุน หรือผู้ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก
6. เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่พิการที่ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจได้

เผยเคล็ดลับ....กระชับต้นแขน

เมื่อหุ่นเป๊ะ ผิวพร้อม หน้าสวยแล้ว แต่เอ! ทำไมแขนยังเป็นมัดๆ แบบนี้อะ โอ้ยๆๆ กว่าทุกอย่างจะดูดีทำไมถึงยุ่งยากเยี่ยงนี้ เกิดเป็นผู้หญิงแท้จริงแสนลำบาก พอจะสวยครบก็มีตรงนั้น ตรงนี้มาให้แก้ โอ้...น้อววววว ลดความอ้วน ลดพุง ลดได้ แล้วลดแขนนี้จะลดอย่างไรกันหล่ะเนี๊ย มีไหมค่ะ วิธีลดต้นแขน แบบง่ายๆ อะมีมั้ย โหวถ้าสาวๆ จะเรียกร้องมาขนาดนี้มีเหรอค่ะที่ N3K จะพลาด ในเมื่อสาวๆ ต้องการขนาดนี้ วันนี้เราก็เลยจะมา เผยเคล็ดลับ....กระชับต้นแขน มาฝากกันแล้วจร้า อะๆ เริ่มจะฟินและก็อยากจะรู้แล้วใช่ไหมหล่ะค่ะว่า เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน นี้จะเป็นอย่างไร เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนนั้นคงจะกำลัง งง อยู่แน่ๆ ว่ามี เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน แบบนี้ด้วยหรอ อะงั้นก็อย่ามัวนั่ง งง นั่งสงสัยกันอยู่เลย เราไปดู พร้อมปฏิบัติตาม เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน วิธีนี้กันเลยจร้า บ่องตง ง่ายฝุดๆ รับรองว่าสาวๆ จะได้ฟินไปกับ เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน อย่างแน่นอนจร้า

เคล็ดลับ....กระชับต้นแขน

อุปกรณ์ที่ใช้เอาตามที่สะดวกอ่ะค่ะ จะใช้ดัมเบล หรือขวดน้ำ ก็ได้ค่ะ

1. ยืนตรงแล้วแยกเท้าออกจากกันประมาณความกว้างของช่วงไหล่ ถือขวดน้ำไว้ในมือทั้งสองข้างเสร็จแล้วงอแขนแนบลำตัว โดยให้ฝ่ามืออยู่ระดับไหล่..
2. ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า ทำพร้อมหมุนแขนไปข้างหน้าและโน้มตัวไปข้างหน้า.
3. ยืนแยกเท้าออกจากกันให้มากๆ งอเข่าเล็กน้อย แล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างให้อยู่เหนือศรีษะ.

4. ยืนเท้าชิดกัน แล้วปล่อยแขนแนบชิดลำตัว.

5. ทำซ้ำตั้งแต่ท่าที่ 1-4 ทำจนครบ 24 ครั้ง (พักสักครู่เมื่อทำครบ 12 ครั้ง) เมื่อคุณได้บริหารร่างกายตามขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นประจำทุกวัน คุณก็จะมีต้นแขนและลำตัวที่กระชับได้สัดส่วน รูปร่างก็จะสวยเข้ารูปไม่เสียทรง กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวก็จะแข็งแรงขึ้นอีกด้วย.
ตัวช่วยอีกอย่างก็คือ ใช้เกลือลดไขมันนวดวนๆที่แขนตอนอาบนำบ่อยๆ แล้วก็ทาครีมที่มันช่วยสลายไขมัน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีนะค่ะ


ที่มา..นิตยสาร Spicy 

ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ... จากการอาบน้ำ




การมีหน้าท้องที่ยื่นออกมาเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความหนักใจ และเป็นปัญหาที่ทำลายความมั่นใจของหลายๆ คนโดยเฉพาะคุณผู้หญิง จะเป็นอย่างไรค่ะถ้าผู้หญิงเราแต่งตัวสวย แต่ดันมีพุงยืนออกมา โอ้ม๊ายย เมื่อมีปัญหานี้สาวๆ ก็ไม่กล้าที่จะใส่หรอกค่ะชุดรัดรูปอะ มีมั้ยน๊าวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ทำไมจะไม่มีหล่ะค่ะ แล้วขอบอกก่อนเลยนะค่ะว่าวิธีลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ที่เราได้นำมาฝากนี้เป็นวิธีที่ง่ายจริงๆ ค่ะ ง่ายมากๆ ซื่งหลายๆ คนนึกไม่ถึง นั้นก็คือวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ด้วยการอาบน้ำนั้นเองค่ะ ห๊ะ อะไรนะ อาบนี้นี่นะเป็นวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ที่ได้ผล ไม่อยากเชื่อเลยใช่ไหมหล่ะค่ะ ตอนนี้มั่นใจว่าหลายๆ คน ทั้ง งง และ สงสัย กันอย่างมากแล้วว่าการอาบน้ำนี้จะเป็นวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ถ้างั้นอย่ามัวรีรออยู่เลยนะค่ะ เราไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่านะค่ะว่าการอาบน้ำจะเป็นวิธี ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ ได้อย่างไร

แนะนำการ ลดหน้าท้องได้ง่ายๆ

Step 1
ขั้นตอนแรก เหมือนเดิมนะคะ เตรียมน้ำอุ่นประมาณ 40 องศาเซลเซียส

Step 2

นั่งคุกเข่าในน้ำในท่าตัวตรงยืดอก ใช้มือแนบที่บริเวณหน้าท้องช้าๆ ค่อยๆ ลูบกดลงเบาๆ ประมาณ 20 ครั้ง

Step 3

หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือคลึงบริเวณหน้าท้อง ในลักษณะวงกลมวนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประมาณ 20-30 ครั้ง

Step 4

ฉีดน้ำอุ่นที่ปรับอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย บริเวณหน้าท้อง


 ที่มา..นิตยสาร Spicy 

Wednesday, June 26, 2013

มารู้จักกับอุปกรณ์ออกกำลังกายใน Fitness กัน





ยก ตัวอย่างเครื่องออกกำลังใน Fitness Center ให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน ก็ให้เข้ากับเทรนตอนนี้ที่เพื่อนๆนิยมไปออกกำลังกายใน Fitness Center กัน



         ลู่วิ่งไฟฟ้า เรียกได้ว่าร้อยทั้งร้อยนะครับที่ทุกคนที่ได้เข้า Fitness Center แล้วจะต้องได้ใช้เจ้าลู่วิ่งไฟฟ้าตัวนี้กันโดยเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ นอกจากที่จะช่วยทำให้ร่างกายเราแข็งแรงและสลายไขมันส่วนเกิน มันยังช่วยเผาผลาญพลังงานให้กับเราอีกด้วยโดยถ้าเราวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า 1 ชั่วโมงจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 400-600 แคลอรี่ และยังทำให้หัวใจของเราแข็งแรงอีกด้วย

          จักรยาน ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำมาว่าถ้าหากเราเริ่มต้นออกกำลังกายใหม่ๆควรที่จะ ใช้การปั่นจักรยานเป็นอันดับแรก เพราะว่าการปั่นจักรยานนอกจากจะเป็นตัวช่วยในการบริหารหัวใจแล้วยังเป็น อุปกรณ์ที่ช่วยบริหารร่างกายทุกส่วนอีกด้วย


         กรรเชียงบก หรือ Rolling Machine
ซึ่งถ้าเราออกกำลังกายด้วยเจ้ากรรเชียงบกตัวนี้ก็สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 400-600 แคลอรี่



          Step Machine
เนื่องจากการวิ่งบนลู่วิ่งอาจนำมาซึ่งแรงกระแทกและอาจไม่เหมาะสมสำหรับ สมาชิกบางกลุ่มตัวของ step machine ถูกออกแบบมาให้ลดการกระแทกลดการเสียดสีจากข้อเท้าอีกทั้งเป็นอุปกรณ์ที่ สามารถวางได้ในทุกๆพื้นที่ของฟิตเนสเหมาะสำหรับเผาผลาญพลังงานและเล่นเพื่อ กระชับสัดส่วนช่วงล่าง



          Cross Trainer หรือ ในอีกชื่อหนึ่ง Elliptical เป็น อุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากซึ่งพัฒนาออกแบบมาจาก step machine ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องการเคลื่อนไหวซึ่งแตกต่างกับ Cross Trainerสามารถที่จะเข้าถึงกล้ามเนื้อได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเรายังสามารถออกกำลังกายได้ทุกส่วนทั้งส่วนล่างและส่วนบนของร่างกาย ที่ได้ออกแรงเมื่อจับคันโยกและเป็นเครื่องเล่นที่เล่นได้เร็วและสนุกและช่วย ในการเผาผลาญพลังงานแคลอรี่ได้อย่างมากมาย



ที่มา..ครบเครื่องเรื่องสุขภาพ


รู้หรือไม่ยางรัดผม ลดพุงได้ง่ายๆ





พุง ถือว่าเป็นปัญหาที่แบบว่า...ไม่ใช่สิ! เขาเรียกว่าเป็นตัวชี้ชะตาในการดูหุ่นของคุณผู้หญิงอย่างเราๆ เลยก็ว่าได้ ต่อให้แบบด้านข้างอย่างเป๊ะ แต่แบบด้านหน้ายื่นออกมา โอ้วน้อววว...ชัดเลยสิแบบนี้การันตีชัดเลยว่าแบบเสียความมั่นในเว่อร์ ไม่ใช่อะไม่ใช่ต้องไม่ใช่แบบนี้สิน๊า... แต่ถ้าจะว่าไปแล้วพุงก็ใช่ว่าจะลดได้ยากอะไรนะค่ะ ถ้าแบบเรารู้วิธีที่ถูกต้อง แต่ก็อย่างว่าแต่ละวิธีก็มีเยอะจัดไม่รู้ว่าวิธีไหนที่แบบได้ผลชัวร์ๆ อะไรแบบนี้เนี๊ย... อยากจะบอกแต่ขอถามก่อนนิสนึงว่า สาวๆ รู้หรือไม่ยางรัดผม ลดพุงได้ง่ายๆ ด้วยนะจร้า ห๊ะ! อะไร ยางรัดผมช่วย ลดพุงได้ง่ายๆ โอ้ววน้อววว ม๊ายยยเจงงง ยางรัดผมนี่นะจะเป็นเคล็ดลับเด็ดช่วยในการ ลดพุงได้ง่ายๆ หึหึหึ สงสัยจะโกหก ไม่ค่ะไม่ N3K ขอบอกเลยนะค่ะว่านี่ไม่ใช่เคล็ดลับโกหกหรือว่ามั่วอะไรเลย จริงๆ ค่ะว่า ยางรัดผมนั้นสามารถช่วย ลดพุงได้ง่ายๆ จริงๆ งั้นอย่ามัวสงสัยเลยเดี๊ยวจะเยอะ เอาไปว่าเราไปดูกันเลยดีกว่านะค่ะว่าจริงๆ แล้วนั้นมันเป็นยังงัยมายังงัยกันน๊า...กับเคล็ดลับ ลดพุงได้ง่ายๆ ด้วยยางรัดผมแบบนี้



เคล็ดลับ ลดพุงได้ง่ายๆ


ง่ายๆ เลยจากการที่เราทิ้งตัวลงนั่ง เหยียดขาให้ตึง โดยที่เท้าทั้งสองข้างแนบชิดกัน และยกปลายเท้า ตั้งขึ้น จากนั้นก็นำยางรัดผมแบบหนา (อาจจะมีส่วนผสมของไหมพรมเพื่อไม่ให้รัดจนเจ็บเกินไป) มาคล้องลงไปในหัวแม่เท้าทั้งสองข้างที่ติดกัน (อย่าพยายามให้ส้นเท้าแยกจากกัน) เสร็จแล้วก็นอนราบลงกับพื้น เพียง 5 นาทีต่อวัน พุง ของคุณก็จะสามารถแบนราบได้โดยที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ซึ่ง วิธี ยางรัดผม ลดพุง นี้ คนที่คิดค้นเขาบอกว่า เมื่อกระดูกบั้นเอวเกิดอาการเบี้ยว โย้เย้ อยู่ไม่ตรงที่แน่นอนนั่นเอง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กล้ามเนื้อบั้นเอว และ หน้าท้องของเรานั้นหยุดการทำงานที่ดีไป ดังนั้นเมื่อเราได้ใช้หนัง ยางรัดผม ลงไปที่นิ้วหัวแม่เท้า ซึ่งเป็นจุดสำคัญของร่างกายที่จะไปช่วยบังคับการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนนั้น ให้ทำงานดีขึ้นและตรงเป้าหมาย ช่วยให้กระดูกบั้นเอวของเรากลับคืนมาสู่ในที่ตั้งอันมั่นคง เป็นปกติ คือไม่เบี้ยวโย้เย้ กล้ามเนื้อหน้าท้องและรอบบั้นเอวก็จะค่อยๆ แบนราบลง


ที่มา..คลังสุขภาพ

กินกล้วย เพื่อสุขภาพ




กล้วยผลไม้คู่บ้านคนไทยที่มีคุณค่าอาหารทั้งให้พลังงานและสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายหลายอย่าง โดย...วรธาร ทัดแก้ว


"กล้วย" ผลไม้ที่คนไทยรู้จักและนิยม รับประทานกันมานาน แต่จะมีใครบ้างที่รู้ว่าในกล้วยแต่ละลูกนั้นมีสารอาหารดีๆ อะไร และเมื่อรับประทานแล้วจะมีผลดีต่อสุขภาพอย่างไร ดร.เนตรนภิส วัฒนสุชาติ จากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้วิจัยเรื่องกล้วยจะให้ความรู้ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ พร้อมถือโอกาสชวนคนไทยหันมารับประทานกล้วยเพื่อสุขภาพที่ดี

คุณค่าทางอาหาร

สำหรับกล้วยนั้นมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพืชล้ม ลุกในสกุลมูซา (Musa) มีมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมปลูกแพร่หลายและคนไทยส่วนใหญ่นิยมรับประทานประกอบด้วย กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว กล้วยไข่ กล้วยหักมุก กล้วยเล็บมือนาง ส่วนที่เป็นสายพันธุ์พื้นบ้าน ประกอบด้วย กล้วยนิ้วมือนาง กล้วยนางพญา กล้วยนาค กล้วยหิน กล้วยงาช้าง และกล้วยเทพรส

ดร.เนตรนภิส กล่าวว่า ทุกส่วนของกล้วยใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด แต่สำหรับผลกล้วยนั้นมีคุณค่าอาหารให้พลังงานและสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่ ร่างกายหลายอย่าง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 18-31% โปรตีน 1.0-1.8% วิตามินเอ 116-375 หน่วยสากล และวิตามินซี 7-16 มิลลิกรัม เป็นต้น

โดยกล้วยแต่ละชนิดนั้นมีคุณค่าอาหาร ใกล้เคียงกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบองค์ประกอบคาร์โบไฮเดรตของผลกล้วย ได้แก่ แป้ง (Banana Flour) สตาร์ช (Banana Starch) น้ำตาล และใยอาหาร (Dietary Fiber) กล้วยดิบกับกล้วยสุกพบว่า แป้งกล้วยดิบประกอบด้วยสตาร์ช 78% แป้งกล้วยสุก 16.6% ขณะที่ส่วนของเนื้อกล้วยดิบประกอบด้วยสตาร์ชลดลงเหลือ 20.7% เนื้อกล้วยสุกลดลง 4%

เฮมิเซลลูโลสสูงช่วยระบบทางเดินอาหารดี ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาปริมาณน้ำตาลที่เป็นองค์ประกอบแล้ว พบว่า ส่วนใหญ่เป็นซูโครส ซึ่งแป้งกล้วยสุกมีน้ำตาลทั้งหมด 56.4% ประกอบด้วย กลูโคส 10.0% ฟรุกโทส 8.1% และซูโครส 38.3%

นอกจากนี้ แป้งกล้วยสุกยังเป็นแหล่งใยอาหารประเภทเฮมิเซลลูโลส (Hemicellulose) มีค่า 3.84% เซลลูโลส 1.1% และลิกนิน 0.12% และพบอีกว่ากล้วยมีปริมาณเฮมิเซลลูโลสสูงกว่าผักผลไม้ทั่วไป ซึ่งเป็นใยอาหารที่มีผลต่อการเจริญของบักเตรีที่ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำ งานได้เป็นปกติดี อีกด้วย

ดร.เนตรนภิส กล่าวว่า ในปัจจุบันอาหารสุขภาพมีแนวโน้มความต้องการจากผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทั้งภายในและต่างประเทศ ที่สำคัญ รีกิสซิสแทนต์ สตาร์ช (Resistant Starch) หรืออาร์เอส ซึ่งเป็นฟังก์ชันนัล คอมโพเนนต์ ที่พบได้ในพืชจำพวกแป้งที่ให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นเดียวกับใยอาหาร ที่ย่อยสลายเป็นน้ำตาลได้ช้าในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในสภาวะควบคุม และอาร์เอสยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี

"การบริโภคกล้วยเป็นประจำสามารถช่วยลด อัตราเสี่ยงต่อโรคอายุรกรรมต่างๆ ได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง เป็นต้น" ดร.เนตรนภิส กล่าว

ผลวิจัยอาร์เอสในกล้วย

ดร.เนตรนภิส กล่าวว่า จากการวิจัยปริมาณอาร์เอสในอาหารประเภทต่างๆ ที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อให้ได้ข้อมูลในการเลือกบริโภคอาหารที่มี คุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้สุ่มเก็บตัวอย่างอาหาร 29 ชนิด จากกลุ่มข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าว ผลิตภัณฑ์วุ้นเส้น ถั่ว และเมล็ดพืชต่างๆ รวมถึงกล้วย 11 พันธุ์ (กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยเล็บมือนาง กล้วยหักมุก และกล้วยพื้นบ้านอีก 6 ชนิด คือ กล้วยหิน กล้วยงาช้าง กล้วยเล็บช้างกุด กล้วยนางพญา กล้วยพม่าแหกคุก กล้วยเทพรส) แสดงผลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณ อาร์เอส ปริมาณสตาร์ชทั้งหมด และปริมาณสตาร์ชที่ย่อยได้ (Digestible Starch) รวมทั้งอัตราการย่อยด้วยวิธีการใช้เอนไซม์ภายใต้อุณหภูมิและระยะเวลาที่ควบ คุม พบว่าแป้งกล้วยดิบสายพันธุ์ที่นิยมรับประทาน เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยเล็บมือนาง และกล้วยหักมุก มีปริมาณอาร์เอสระหว่าง 52.2-61.4% โดยที่กล้วยหักมุกมีปริมาณสูงสุดถึง 61.43% รองลงมาเป็นกล้วยไข่ 57.7% และกล้วยเล็บมือนาง 57% ขณะที่กลุ่มกล้วยพื้นบ้านพบว่าแป้งกล้วยหินมีอาร์เอสสูงสุด 68.1% รองลงมาเป็นกล้วยนางพญา 66.8% นอกจากนี้ ในการศึกษาอัตราการย่อยแป้งกล้วยดิบ 7 ชนิด ยังพบว่า กล้วยหินมีอัตราการย่อยช้าที่สุด เมื่อย่อยนาน 30 60 90 และ 120 นาที เมื่อเปรียบเทียบกับแป้งถั่วเขียวทางการค้าพบว่ามีอัตราการย่อยเร็วกว่าแป้ง กล้วยเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่แป้งมันสำปะหลังมีอัตราการย่อยเร็วที่สุด

กล้วย...ทางเลือกเพื่อสุขภาพ

ดร.เนตรนภิส กล่าวว่า การบริโภคกล้วยเป็นประจำนั้นถือเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพเพราะมีปริมาณอา ร์เอสสูง และมีอัตราการย่อยช้ากว่าแป้งอื่นๆ และการเปลี่ยนแปลงสตาร์ชเป็นกลูโคสอย่างช้าๆ จึงได้ช่วยลดอัตราการดูดซึมและการเปลี่ยนเป็นพลังงานทำให้ร่างกายได้รับ พลังงานที่ต่ำลง นอกจากนี้อาร์เอสของกล้วยยังมีสมบัติเป็นพรีไบโอติกหรือซับสเตรต ให้กับจุลินทรีย์กลุ่มแล็กโตบาซิลลัส เป็นผลให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติดี

ชวนคนไทยมากินกล้วย

อาจารย์ประจำสถาบันค้นคว้าและพัฒนา ผลิตภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งปลูกกล้วยและมีสายพันธุ์กล้วยมากมาย การส่งเสริมการบริโภคกล้วยเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ประชาชนหัน มาบริโภคกล้วยให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้วยสุกที่รับประทานได้ทั้งผล หรือกล้วยดิบที่มีตำรับอาหารพื้นบ้านมากมายที่ใช้กล้วยประกอบอาหารคาว ได้แก่ แกงกล้วย ส้มตำกล้วย แหนมเนือง ยำต่างๆ และเครื่องเคียงน้ำพริก เป็นต้น ส่วนอาหารหวานมีหลายอย่าง ได้แก่ กล้วยฉาบ กล้วยปิ้ง กล้วยเผา กล้วยต้ม กล้วยเชื่อม ขนมกล้วย และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังแปรรูปกล้วยเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลายวิธีการ เช่น กล้วยดอง ขนมปังกล้วย ไอศกรีม และเครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งควรสนับสนุนการนำกล้วยมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อสุขภาพในระดับอุตสาหกรรมให้มากขึ้น รักสุขภาพ...มารับประทานเพื่อสุขภาพกันเถิด

ที่มา : โพสต์ทูเดย์


แนวทางการออกกำลังกายลดน้ำหนัก





กินทุกอย่างที่ขวางหน้า

     แต่คุณต้องมีการใช้พลังงานที่ได้รับมาให้หมด ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากเข้าไว้ และต้องมากกว่าพลังงานที่ได้รับไปด้วย

อดทนและทนอด

     นั่นก็คือการค่อยๆ ลดปริมาณอาหารให้น้อยลง และไม่ใช่ลดพรวดพราด และกินให้พออิ่มเท่านั้น
ตักอาหารทีลดน้อย

     อย่างตักข้าวใส่จานก็ควรจะตักแค่น้อยๆ ก่อน เพราะถ้าไม่อิ่มก็สามารถตักเติมใหม่ได้ แต่ถ้าอิ่มแล้วแต่ยังมีข้าวเหลือ ก็จะเกิดอาการเสียดาย ต้องกินให้หมด เป็นผลให้กลายเป็นคนอ้วนได้
ตั้งปณิธานให้มั่นและแน่วแน่

     ท่องไว้ในใจเสมอ หากมีอาหารอยู่ใกล้ๆ ว่ากินแล้วอ้วน หุ่นไม่สวย หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่สามารถทำให้ความอยากของคุณชะงักลงได้
เปลี่ยนนิสัยการกินเสียใหม่

     จากคนที่เคยกินจุบกินจิบพยายามทานอาหารเป็นมื้อๆ กินอาหารให้หลากหลายด้วย จะได้ไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร และเลิกเป็นพวกชอบชิมได้แล้ว
หลีกเลี่ยงอาหารอันตราย

     เช่น แอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ อาหารไขมันสูง เช่น ของทอด นม เนย เนื้อแดง เค้ก และขนมปัง
อย่ากินเมื่อเครียด

      อย่างสาวๆ บางรายที่เกิดอาการอกหักจะประชดตัวเองด้วยการกิน เหมือนเป็นการทำร้ายตัวเองไปในทางอ้อม เพราะแทนที่ร่างกายเราจะดีขึ้นกลับน้ำหนักเพิ่ม ยิ่งกลายเป็นว่าคนเก่าก็ไม่กลับมา คนใหม่ก็ไม่มีใครเอา
ดูอายุตัวเอง

     เพราะยิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ระบบเผาผลาญจะช้าลง ไม่เหมือนกับตอนที่คุณยังคงเป็นวัยรุ่น เพราะฉะนั้นเมื่อทานอาหารเสร็จแล้วหรือในเวลาว่างก็พยายามเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อย อย่ากินแล้วนอนเลยจะทำให้พลังงานที่เรารับเข้าไปนั้นเผาผลาญไม่หมดจนร่างกายนำไปสะสมเป็นไขมันแทน
จัดตารางการทานอาหารและการออกกำลังกายลดน้ำหนักของคุณ

     ปรับแต่งไปให้เหมาะกับตัวเองให้มากที่สุด เพราะการใช้ชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าทำได้ไม่จำเป็นเลยที่ต้องไปใช้แผนการลดน้ำหนักตามคลีนิก
หากต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจังและปลอดภัย

     แนะนำให้ไปพบกับนักโภชนาหรือแพทย์ เพื่อรู้วิธีการลดอย่างถูกวิธีและไม่ขาดสารอาหาร
ออกกำลังกายลดน้ำหนักเป็นประจำ

     อย่างน้อยให้พอเหงื่ออกหรือประมาณ 20-30 นาที หรือการเดินขึ้นลงบันไดแทนลิฟต์ การเดินไปที่จอดรถ ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายลดน้ำหนักทั้งสิ้น
วัดรอบเอวอย่างสม่ำเสมอ

     สำหรับผู้หญิงถ้ารอบเอวต่ำกว่า 18.5 นิ้วถือว่าผอม 19-25 อยู่ในระดับปกติ 25-29 นิ้วเข้าข่ายเริ่มอ้วน 30-35 นิ้วอยู่ในข่ายที่อ้วนแล้ว และ 35 นิ้วขึ้นไปถือว่าอ้วนมาก

      การลดน้ำหนักให้เห็นผลนั้น สำคัญอยู่ที่วินัยในการออกกำลังกายลดน้ำหนักและการควบคุมอาหาร ปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารบ้าง เพื่อสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรง

ที่มา...thaifitandfirm.com

ออกกำลังกายลดบุหรี่

บุหรี่เป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อสุขภาพ และเป็นพิษภัยต่อคนรอบข้าง ที่เรียกว่าบุหรี่มือสองนั่นแหละค่ะ (คือ คนที่ไม่ได้สูบก็ต้องสูดดมควันบุหรี่ไปด้วย) ผู้หญิงบางคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนเลยก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่มีปอดสะอาด เมื่อนานวันอายุมากไปก็มีโอกาสเป็นโรคถุงลมโป่งพองต่ำ แต่ถ้าติดบุหรี่แล้วอยากเลิกล่ะ ทำไงดี

          มีงานวิจัยอยู่หลายชิ้นที่ให้ผลตรงกันว่า การออกำลังกายนั้นจะช่วยทำให้การอยากสูบบุหรี่ลดลงได้ ทำให้อาการอยากนิโคตินลดน้อยลง การออกกำลังกายที่สามารถเลือกได้ก็มีหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องหนักสุดๆ หรอกนะคะ เช่น

     วิ่งจ๊อกกิ้ง
     ขี่จักรยาน
     เต้นแอโรบิก
     กีฬาที่ชอบ (เทนนิส, แบดมินตัน, ฟุตบอล)

          กีฬานอกจากจะทำให้ความอยากบุหรี่ลดลงแล้ว ยังทำให้หัวใจได้ทำงานสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ระบบขับถ่ายของเสียทำงานได้ดีขึ้น และถ้าจำเป็นต้องทำงานในสำนักงานเป็นเวลานานๆ แล้ว แทนที่จะออกมาสูบบุหรี่เป็นการยืดเส้นยืดสาย ก็จัดการยืดเส้นยืดสายเสียก่อนเพื่อลดความอยากบุหรี่สิคะ จะได้สุขภาพดี และที่สำคัญ รับรองว่ามีเงินเหลือขึ้นมาหลายบาทต่อเดือนโดยไม่ต้องหาเพิ่มเลยค่ะ


ที่มา...Womanandkid

สาเหตุของผิวแห้ง





สาเหตุของผิวแห้ง    

               ผิวของคนเรานั้นต่างกัน บางคนผิวมัน บางคนผิวผสม และบางคนก็ผิวแห้ง คนที่ผิวมันอาจจะมีปัญหาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นแต่งหน้าให้สวยได้ยากหรือเป็น สิว แต่คนที่ผิวแห้งก็มีปัญหาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการง่ายต่อการเกิดริ้วรอย หรืออาจจะแห้งจนเกิดอาการคันหรือแห้งรุนแรงมากจนมีปัญหาอื่นเช่นโรคผิวหนัง ติดเชื้อก็ได้อีก

          ข้อเสียของผิวแห้ง

               ผิวที่แห้งมากอาจจะแห้งแตกให้สามารถเห็นได้ การแตกนี้หมายถึงการที่เชื้อโรคสามารถเข้าไปยังภายในร่างกายเราได้นั้นเอง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลเสียที่ร้ายแรงขึ้นก็ได้ ดังนั้นนอกจากความสวยงามที่ลดน้อยลงไปเมื่อผิวแห้งแล้ว เหตุผลดีๆ อีกอย่างหนึ่งที่ต้องดูแลกำจัดอาการนี้ออกไปก็คือเรื่องของสุขภาพผิวนั่นเอง
 

          ทำความเข้าใจกับผิวแห้งสักหน่อย

               ผิวที่ปกติมีสุขภาพดี (ไม่พูดถึงว่าผิวสวยมากหรือสวยน้อย หรือผิวสีอะไรนะคะ) จะมีลักษณะที่ถูกเคลือบด้วยไขมันบางๆ ตามธรรมชาติของผิว หรืออาจจะมีน้ำมันเคลือบบ้างเป็นชั้นบางๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยในการเก็บกักความชุ่มชื้นเอาไว้ให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่มนวลและมีความยืดหยุ่นดี แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เกิดผิวแห้ง ผิวแห้งเกิดจากสิ่งแวดล้อมหรืออะไรก็ตามที่เราทำกับผิวของตัวเองที่ทำให้ ไขมันหรือน้ำมันบางๆ ที่เคลือบผิวหายไป ทำให้ไม่มีอะไรปกป้องผิวของเราอีกต่อไป ในบางครั้ง ผิวแห้งอาจจะเกิดจากเหตุผลภายในร่างกายเช่นปัญหาสุขภาพบางอย่างก็ได้ แต่ข่าวดีก็คือ สาเหตุของผิวแห้งส่วนมากนั้นเกิดจากภายนอกร่างกาย ซึ่งเราสามารถแก้ไขได้ไม่ยากนัก

          สาเหตุผิวแห้ง

          มาถึงตรงนี้ เรามาดูสาเหตุของผิวแห้งกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง และจะจัดการกับแต่ละข้ออย่างไร

          1) การใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ถูกต้อง

               วิธีการทาที่ถูกต้องคือทาในขณะที่ผิวยังชื้นอยู่ ซึ่งจะทำให้มอยส์เจอไรเซอร์ทำหน้าที่เก็บกักความชื้นเอาไว้บนผิวได้ หลังอาบน้ำก็ซับน้ำให้หมาดลง แล้วทาด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ทิ้งไว้สักสองหรือสามนาที จากนั้นค่อยเช็ดเบาๆ ด้วยผ้าเช็ดตัว นอกจากนี้ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมาก ก็ควรหามอยส์เจอไรเซอร์ชนิดที่นุ่มนวลสักหน่อย คือไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ผสมอยู่


          2) อากาศแห้ง

               สำหรับเมืองไทยที่เป็นพื้นที่ของโลกที่มีอากาศร้อนชื้นแล้ว อากาศแห้งมักจะเกิดในหน้าหนาว แต่ในยามปกติเราก็สามารถพบอากาศแห้งได้เช่นกันซึ่งก็คือห้องปรับอากาศนั่น เอง อากาศแห้งเป็นสาเหตุของผิวแห้งหลักๆ ที่พบได้ทั่วไปของผิวแห้งเลยทีเดียว อากาศแห้งจะดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากผิวและเมื่อผิวแห้งมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าหนาวแล้วล่ะก็ ถึงกับคันยิบๆ ได้เลยล่ะค่ะ วิธีแก้ก็คือต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ปรับเครื่องปรับอากาศไม่ให้เย็นมากนัก หรืออาจจะต้องถึงกับใช้เครื่องสร้างความชื้นสำหรับห้องเลยทีเดียวถ้ามีปัญหา มาก

          3) การอาบน้ำอุ่นจัดนานๆ

               ไม่ว่าจะเป็นการอาบนานหรือการแช่น้ำที่อุ่นมากก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีในหน้าหนาว แต่เป็นสาเหตุของผิวแห้งที่สำคัญอย่างหนึ่งเลย เพราะน้ำอุ่นจะชำระล้างชั้นไขมันและน้ำมันบางๆ ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวออกไป ถ้าหลังจากการอาบน้ำอุ่นและรู้สึกว่าผิวตึงล่ะก็ นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าผิวของเราแห้งแล้วล่ะ วิธีป้องกันเรื่องนี้ก็ไม่ยาก นั่นคือไม่ปรับอุณหภูมิของน้ำให้สูงเกินไป ปรับเพียงแค่ไม่รู้สึกหนาวเย็นก็พอแล้ว และหลังจากการอาบน้ำก็ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำก็พอ แทนที่จะเช็ดถูจนแห้ง และจัดการทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอไรเซอร์ให้เรียบร้อยก็พอแล้ว

          4) สบู่

               สบู่เป็นอีกสาเหตุของผิวแห้งได้ เพราะอำนาจการชำระล้างไขมันซึ่งจะกำจัดชั้นไขมันและน้ำมันบางๆ ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวออกไป นอกจากนั้นเราก็มักจะใช้สบู่มากเกินกว่าที่จำเป็นด้วยทั้งๆ ที่โดยทั่วไปแล้วร่างกายของเราก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากมายขนาดนั้น ในความเห็นของแพทย์แล้ว บริเวณของร่างกายที่ต้องการการทำความสะอาดด้วยสบู่ก็คือใบหน้า มือ เท้า ซอกขาหนีบ และรักแร้ นอกจากนั้นแล้วเราสามารถทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าก็ได้ และถ้าคุณสาวๆ มีปัญหาเรื่องผิวแห้งล่ะก็สุขภาพผิวไม่ดี ให้เลือกสบู่ที่ไม่มีน้ำหอมอยู่ในนั้นและหลีกเลี่ยงบรรดาผลิตภัณฑ์ทำความ สะอาดมือแบบไม่ใช้น้ำ เนื่องจากมักจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ทั้งทำให้มือแห้งและเล็บเปราะได้


          5) การได้รับยาบางอย่าง

               ก็สามารถเป็นสาเหตุผิวแห้งได้เช่นกัน ตัวอย่างของยาพวกนี้ก็เช่น ยาสำหรับควบคุมความดันเลือดสูง หรือยาขับปัสสาวะ หรือยาสำหรับแก้ไขรักษาสิวเช่น เรตินอยด์ เป็นต้น ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าผิวแห้งขึ้นหลังจากการได้รับยาอะไรก็ตาม ให้ปรึกษาแพทย์ที่ให้ยานั้นๆ ซึ่งแพทย์สามารถแก้ไขได้โดยการเปลี่ยนอัตราการให้ยาหรือแม้แต่เปลี่ยนยาก็ ได้ค่ะ


ที่มา...Womanandkid

Monday, June 24, 2013

9วิธีลดพุงให้ยุบแบบฉับพลัน




บอกลา ความอ้วน ในสวยใสๆสๆไตล์แม่หมอวันนี้ หลังจากลุยน้ำท่วมกันมาพอสมควร เห็นทีแม่หมอจะขอชวนเพื่อนๆกลับมาดูแลตัวเองกันซะหน่อย พูดถึงความสวย ก็ต้องนึกถึงหุ่นที่เป็นออปชั่นสำคัญจริงมั๊ยคะ ว่าแล้วแม่หมอเลยมีเคล็ดลับการลดพุงมาฝากเพื่อนๆ ........ เพราะว่าไปแล้วก็เป็นปัญหากวนใจแม่หมออยุ่เหมือนกัลล์ละคร้า แหมก็วันๆเอาแต่นั่งทำงาน วันละ7-8ชั่วโมง ไม่ได้ลุกไปไหน พุงก็กองอะซิคะ ไม่ได้แระ ปล่อยไว้ไม่ได้การแน่ๆแล้วเชียว เห็นทีต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกำจัดพุงดีกว่า แม่หมอก็เลยไปรวบรวมสารพัดวิธี มาเผื่อเพื่อนๆด้วย ตามมาดูกันเลยค่ะ

1. ลดอาหารเย็น หรือรับประทานก่อน6โมงเย็น เน้นผักผลไม้ ถ้าเนื้อสัตว์ ก็ขอให้เป็นปลา ส่วนแป้ง งดค่ะ มื้อนี้ ไร้คาร์โบไอเดรตนะคะ

2. ฝึกแขม่วท้อง ซึ่งก็เป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆเลยค่ะ ทำได้ทุกที่ และทุกสถานการณื ก็จะช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานได้โดยไม่ยาก และยังทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นด้วยนะคะ

3. SIT UP วันละ 100ครั้ง อาจดูยากไปจี๊สนะคะแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป แม่หมอมี option ให้ค่ะ แบ่งเป็นเซ็ทๆละ20 ครั้งก่อนก็ได้ หรือถ้านอน sit up ราบกะพื้นยากไป ก็เริ่มจากชันเข่าก่อนก็จะง่ายขึ้นค่ะ

4.หา เรื่อง เดิน หรือวิ่ง ขึ้นลงบันไดที่บ้านบ่อยๆ หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านั้น ก็พยายาม ลุก-นั่ง ลุกนั่ง อย่านั่งแช่กับที่นานๆ ก็จะทำให้ หน้าท้องได้ขยับบ่อยๆนะคะ ไขมันจะได้ไม่จับกันเป้นก้อนอะค่ะ

5. หาเข็มขัดลดความอ้วนมาสั่น ให้รู้สึกว่าไขมันที่เกาะหนาอยู่แตกตัว พร้อมจะถูกดึงเอาไปใช้เป็นพลังงาน

6.ฝึก นั่งบนฟิตเนสบอลหรือ จิมบอล การนั่งบนลูกบอลฟิตเนสลูกโต ๆ อาจจะทรงตัวยากหน่อย แต่ก็จะช่วยให้เราเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้องไปโดยอัตโนมัตินะคะ

7.หมุนจานทวิสเล่น ตอนดูทีวี อันนี้ได้ทั้งเอวและหน้าท้องเลยละค่ะ หมุนไปหมุนมาเพลิดเพลินดีเหมือนกันนะคะ

8.เข้า นอนให้เร็วขึ้น ไม่ให้เกิน 4 ทุ่ม จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญพลังงานออกมานะคะ และการพักผ่อนที่เพียงพอนอกจากจะทำให้ระบบเผาผลาญปกติแล้วยังทำให้หน้าตาเรา สดใสอีกด้วยละค่ะ

9. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8แก้ว ถ้าจะให้ดี เป้นน้ำอุ่นๆ หรือ น้ำในอุณหภูมิห้องก็จะดีนะคะ น้ำช่วยให้เราขับของเสียออกจากร่างกาย และสามารถลดความอ้นไปด้วยในตัวค่ะ
เป็น งัยคะ 9 วิธีลดพุงของแม่หมอ ที่สำคัญคือเราต้องไม่ขี้เกียจอะค่ะ พยายามหาactivities ทำ แล้วก็อย่าผลัดแบบ เอาไว้ก่อนๆ อย่างงี้ท่าจะหุ่นดียากละค่ะ .... สู้ๆนะคะเพื่อนๆ ความสวยทำได้ค่ะ คอนเฟิร์ม

ที่มา..magicpertty

อ๊วน....อ้วน...! เรื่องหนักๆ ที่ควรใส่ใจ





ความอ้วน เป็นภาวะหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากไม่ตระหนัก อาจก่อให้เกิดผลเสียและโรคแทรกซ้อนทางด้านสุขภาพตามมา...
      “ ความอ้วน ” เป็นสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภัยต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็ง เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง และการไม่ออกกำลังกาย ทำให้ความอ้วนกลายเป็นเรื่องใกล้ตัว หากมีน้ำหนักตัวมาก ร่างกายก็ต้องแบกรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะข้อเข่า ซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมตามมาอีกด้วย


    สาเหตุและปัจจัยของความอ้วน           กรรมพันธุ์
           การรับประทานอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย
           การใช้พลังงานน้อยเกินไปในแต่ละวัน
           การได้รับยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาจำพวกเตอรอยด์
           โรคบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์ โรคเบาหวาน
           ภาวะด้านจิตใจและอารมณ์ เช่น ความเครียด

    ทำอย่างไรไม่ให้อ้วน อดอาหารดีหรือไม่...       ไม่ดีแน่...เพราะผู้ที่พยายามลดความอ้วนด้วย การอดอาหาร มีผลให้อัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายลดน้อยลง และขาดสมดุล หากเลิกอดอาหารและกลับมารับประทานใหม่ มักพบว่าจะรับประทานได้มากกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมอีกด้วย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักแบบขึ้น ๆ ลง ๆ จะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเพิ่มสูงขึ้น

    ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก...ลดได้จริงหรือ...       ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาสรรพคุณในการลดน้ำหนัก อาทิ ชา กาแฟ อาหารเสริมต่าง ๆ ซึ่งบางชนิดจะกระตุ้นให้ร่างกายขับน้ำออกมา ทำให้น้ำหนักตัวลดลงเล็กน้อย หรืออาหารเสริมบางชนิดจะมีรำข้าวหรือกากใยอื่น ๆ เป็นส่วนผสม ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่ม หากใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาก ๆ อาจมีผลข้างเคียงจากสารเจือปนของยาลดน้ำหนัก ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้

    ยาลดความอ้วน..ช่วยได้หรือไม่..       ยาลดความอ้วน จะมีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยลดความรู้สึกหิว การใช้ยาลดความอ้วน จะทำให้น้ำหนักลดลงในช่วงที่ทานยา แต่น้ำหนักจะเท่าเดิมหรือสูงขึ้นหากหยุดยา ด้วยอาการที่เรียกว่า Yo-Yo Effect และอาจมีผลข้างเคียงต่อตับ ไต และหัวใจ จึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ และควบคู่กับการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง โดยการออกกำลังกาย และทานอาหารอย่างเหมาะสม 

    การลดความอ้วนที่ถูกต้อง          ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะลดความอ้วนอย่างแท้จริง
          ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ
          ลดรับประทานอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน และน้ำตาล
          ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที
          การใช้ยาลดน้ำหนัก ซึ่งวิธีนี้ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายและต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น

    การลดความอ้วนที่รวดเร็ว และได้ผลดีโดยไม่ต้องผ่าตัด      การลดความอ้วนด้วย วิธีทางการแพทย์สมัยใหม่ ที่บูรณาการร่วมกันของสหสาขาวิชาชีพ คือ แพทย์ เภสัชกร นักโภชนาการ นักกายภาพบำบัด นักส่งเสริมสุขภาพ และเครื่องช่วยสลายและเผาผลาญไขมัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้การลดน้ำหนักปลอดภัย ได้ผลดีและเร็ว ไม่กลับมาอ้วนอีก และยังทำให้สัดส่วนกระชับยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การดูแลรักษาด้วยวิธีดังกล่าว ควรได้รับคำแนะนำและอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น


ที่มา...โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล

กาแฟช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม




กาแฟช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม

     บทความสุขภาพกาแฟช่วย ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม นักวิจัยเผย คนไข้ที่ดื่มกาแฟวันละไม่น้อยกว่า 2 ถ้วยพร้อมยา จะเป็นซ้ำน้อยกว่าคนที่ดื่มเพียงวันละถ้วย

        กาแฟช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม

     นักวิจัยมหาวิทยาลัยลันด์ของสวีเดน ค้นเจอว่ากาแฟอาจมีสรรพคุณห้ามมะเร็งเต้านม
คนไข้ที่รักษาด้วยยาทามอกซิเฟนกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เพราะเห็นมาว่าคนไข้ผู้ที่ดื่มกาแฟวันละไม่น้อยกว่า 2 ถ้วยพร้อมกับยา จะเป็นซ้ำน้อยกว่าคนที่ดื่มเพียงวันละถ้วย

     นักวิจัยได้ศึกษาด้วยการติดตามอาการของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ทางภาคใต้ของสวีเดน จำนวนไม่ต่ำกว่า 600 ราย มานาน 5 ปี คนไข้ประมาณครึ่งหนึ่งใช้ยาทามอกซิเฟน อันเป็นยารักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทน หลักจากการผ่าตัดเต้านมออกไป แต่ยังไม่อาจรู้ได้ว่ากาแฟทำอย่างไร ได้แต่คาดว่ามันอาจช่วยปิดกั้นฮอร์โมนเอสโตรเจนไว้ นักวิจัยอาวุโสคาดว่า "กาแฟอาจทำปฎิกิริยากับยาทามอกซิเฟนทำให้ออกฤทธิ์ได้แรงขึ้น"

     นักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีความสนใจเรื่องที่กาแฟช่วยลดโอกาสของการเป็นมะเร็งเต้านมนางแบบมาก่อนแล้ว เพราะมันเคยแสดงให้เห็นว่าช่วยขัดขวางการเจริญเติบโตได้ดี

ที่มา..108health 


Sunday, June 23, 2013

เครื่องออกกำลังกายจานทวิสต์


ใน ปัจจุบันการออกกำลังกายนับว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆเพราะชีวิตคนในยุดปัจจุบัน นั้น จะวุ่นอยู่แต่กลับเรื่องของงานซะส่วนใหญ่ ผู้คนมากมายลืมการออกกำลังกาย จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อการล้มป่วยได้ง่าย
   แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีส่วนสำคัญกับชีวิตมากมายหลายอย่าง เช่นการสือสาร การเดินทาง และรวมถึงอุปกรณ์การออกกลังกายที่ หลายคนคิดว่าการออกกำลังกายนั้นจะต้องเข้าโรงยิมหรูๆ หรือต้องไปออกกำำลังกายที่สวนสวนสาธารณะแต่เพียงเท่านั้น
   ปัจจุบันมีเครื่องช่วยออกกำลังกายมากมายหลายรูปแบบ มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และสามารถลดสัดส่วนที่ต้องการได้อย่างดีเยี่ยม
   และหนึ่งในอุปกรณ์ที่เป็นที่นิยมกันมากมายในกลุ่มผู้หญิงสาวคือ จานทวิสต์สีฟ้า 10 นิ้ว ที่มีสีสันสวยงาม น่ารักและสะดวกในการพกพาเป็นอย่างมาก

คุณสมบัติ จานทวิสต์สีฟ้า10นิ้ว

   ท่านสามารถออกกำลังกายโดยใช้ จานทวิสต์สีฟ้า10นิ้ว ได้โดยไม่จำกัดพื้นที่ จานทวิสสีชมพู ที่เล่นได้ไม่ยาก สามารถเล่นได้ง่ายๆ เพียงแค่ยืน หมุนไปมาซ้าย/ขวาเพื่อบริหารเอวและกล้ามเนื้อตรงช่วงสะโพก สามารถใช้เล่นได้ทั้งในที่โล่งแจ้งและในที่ร่ม หรือแม้ในพื้นที่จำกัดจึงเอื้อประโยชน์กับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแต่สถาน ที่ไม่เอื้ออำนวยอีกด้วย

สิ่งที่จะได้หลังจากการเล่น จานทวิสต์สีฟ้า10นิ้ว

   - หลังจากการเล่น จานทวิสต์สีฟ้า10นิ้ว ร่างกายแข็งแรง
   - สัดส่วนกระชับ ร่างกายดูมีสัดส่วน ชวนให้น่ามองมากขึ้นหลังจากเล่น จานทวิสต์สีฟ้า10นิ้ว
   - สมดุลย์ร่างกาย, การทรงตัว, ท่าทางการเดิน, และการจัดแนวกระดูกสันหลัง ของท่านจิงดียิ่งขึ้นหลังเล่น จานทวิสต์สีฟ้า10นิ้ว
   - สุขภาพจิตดีขึ้นหลังจากเล่น จานทวิสต์สีฟ้า10นิ้ว เนืื่องได้ออกกำลังกายจากเครื่องออกกำลังกายที่มีคุณภาพ

ที่มา..shopat7.com

วัยทอง! เฮ..น้ำมะพร้าวช่วยรักษาโรค









นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยืนยันคุณสมบัติน้ำมะพร้าวชะลอโรคอัลไซเมอร์ในกลุ่มหญิงวัยทองทดแทนฮอร์โมนสังเคราะห์ หากรับประทานระยะยาวเสี่ยงเกิดมะเร็ง

           ดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด อาจารย์ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวว่า ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือหญิงวัยทองที่ขาดฮอร์โมนจากรังไข่มากระตุ้นมดลูก เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ กระดูกผุ จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนสังเคราะห์ทดแทน

          อย่างไรก็ดี มีผลวิจัยจากต่างประเทศเตือนว่า การรับฮอร์โมนสังเคราะห์ต่อเนื่องนานกว่า 5 ปี มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่

          ทีม วิจัยจึงตั้งเป้าหาสารธรรมชาติทดแทนฮอร์โมนสังเคราะห์ โดยนำน้ำมะพร้าวมาศึกษา เนื่องจากมีเอสโตรเจนสูงไม่ต่างจากถั่วเหลืองและกวาวเครือขาว หลังทดสอบฤทธิ์ของน้ำมะพร้าวในหนูขาวเพศเมียที่ถูกตัดรังไข่ พบว่าหนูที่ได้รับน้ำมะพร้าวมีพยาธิสภาพของโรคอัลไซเมอร์น้อยกว่าหนูกลุ่ม ที่ไม่ได้รับน้ำมะพร้าว

          คนสมัยก่อนมักแนะนำให้สตรีวัยทองดื่มน้ำมะพร้าว เพื่อลดอาการวูบวาบจากภาวะหมดประจำเดือน แต่ยังไม่มีงานวิจัยเชิงลึกเพื่อยืนยันคุณสมบัติของน้ำมะพร้าว เพื่อใช้เป็นแหล่งฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจน

          นักวิจัยนำหนูขาวเพศเมีย อายุ 4 เดือน มาตัดรังไข่ออกและแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้น้ำมะพร้าวปริมาณ 100 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน และอีกกลุ่มไม่ให้น้ำมะพร้าวเป็นเวลา 5 สัปดาห์ จากนั้นนำไปผ่าสมองเพื่อตรวจสอบระดับเซลล์

          " น้ำมะพร้าวมี ฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงไม่ต่างกับถั่วเหลืองและกวาวเครือขาว ที่หญิงวัยทองส่วนใหญ่บริโภคทดแทนฮอร์โมนสังเคราะห์อยู่ แต่ก็ไม่ควรดื่มมาก อาจเลือกดื่มสลับกับน้ำนมถั่วเหลือง เนื่องจากมีส่วนกระตุ้นให้ไขมันชนิดดี (เอชดีแอล) มีปริมาณสูงขึ้นเกินความจำเป็นด้วย" ดร.นิซาอูดะห์กล่าว

          ผลการตรวจสอบพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมะพร้าวจะมีอัตราการตายของเซลล์ประสาทน้อยกว่าหนูที่ไม่ ได้รับน้ำมะพร้าว แผลที่เกิดจากการผ่าตัดแห้งและหายได้เร็วกว่า มีขนที่นุ่มและผิวขาวใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

          นอกจากนี้ทีมวิจัยกำลังศึกษาต่อในส่วนของการออกฤทธิ์สมานแผลของน้ำมะพร้าว เพื่อหาข้อสรุปว่า นอกจากการนำน้ำมะพร้าวมาใช้เป็นสารทดแทนฮอร์โมนสังเคราะห์สำหรับหญิงวัยทอง แล้ว ยังสามารถออกฤทธิ์รักษาบาดแผลได้จริงหรือไม่

ที่มา..ajingdi

สูตรดีท็อกซ์ทำเองง่ายๆกินได้ทุกเช้า





การขับถ่ายเป็นระบบกำจัดของเสียออกจากร่างกาย สาวๆ ควรฝึกการขับถ่ายให้เป็นกิจวัตรประจำวันเพื่อสุขอนามัยกับร่างกาย และไม่ควรปล่อยให้เกิดอาการท้องผูกบ่อยๆ เพราะนั้นจะเป็นสาเหตุของโรคที่จะตามมา อาทิเช่น โรคริดสีดวงทวารหนัก เป็นต้น

                    เวลาที่เรารับประทานอาหารเข้าไป เกิดการย่อยสลายทำให้เกิดคราบอาหารตกค้างเกาะอยู่ตามผนังลำไส้ เกิดการหมักหมมจนกลายเป็นสารพิษ ซึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยกำจัดสารพิษที่ตกค้างเหล่านี้ก็คือการทำดีท็อกซ์ และ วันนี้เราก็มีวิธีง่ายๆ มาฝากสาวๆ ค่ะ เป็นสูตรดีท็อกซ์ที่ สามารถทำได้เองที่บ้านทุกเช้า แนะนำว่าให้ทำในช่วงเวลาเช้าประมาณ 7 โมงเช้านะคะ เพราะเป็นช่วงที่ระบบขับถ่ายทำงาน

          เริ่มด้วยการเตรียมส่วนผสม 4 อย่างตามนี้เลยคะ

               1. โยเกิร์ต ครึ่งถ้วย (ใช้รสธรรมชาติเท่านั้น)

               2. นมสด 1 กล่อง (ชนิดนมโคแท้ 100%)

               3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

               4. มะนาว 1 ลูก

          นำส่วนผสมทั้ง 4 อย่าง โยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง และมะนาว ผสมเข้าด้วยกันและดื่มได้เลย

ที่มา..Womenshealththailand

Saturday, June 22, 2013

Burn แคลอรีอย่างไร...ให้ได้ผล? ด้วยการออกกำลังกาย






มี คำถามมาเสมอๆ ว่าวิธีการใดเป็นการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและไขมันที่ดีที่สุด บางคนอาจจะบอกว่าออกกำลังกายไว้ก่อน ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าออกกำลังกายไม่ถูกต้องหรือหักโหมจนมากเกินไปก็อาจเป็น อันตรายต่อสุขภาพ และไม่ได้ผลตามที่ต้องการอีกด้วยครับ
จากการศึกษาพบว่าโปรแกรมการออกกำลัง กายที่ดีและช่วยให้ได้ผลตามที่ต้องการนั้น จะต้องทำการบริหารร่างกายแบบ weight training ควบคู่กันไปกับการออกกำลังกายแบบ aerobic exercise แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าถ้าต้องการลดน้ำหนักหรือไขมันส่วนเกินออกไปจะต้องทำ aerobic exercise เพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วการบริหารร่างกายแบบ weight training ก็สำคัญและมีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วนสวยงามแล้ว ยังมีส่วนช่วยเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อ ซึ่งมีผลทำให้ร่างกายเพิ่มการเผาผลาญพลังงานหรือแคลอรีที่มากขึ้นตาม ไม่แต่เฉพาะระหว่างการออกกำลังกายเท่านั้น แต่รวมไปถึงช่วงที่พักหรือไม่ได้ออกกำลังกายด้วย
ถ้าเรามองเฉพาะ aerobic exercise ก็มีอยู่หลายวิธีที่สามารถออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันหรือแคลอรีส่วนเกิน ออกไปได้ เช่นเดียวกันเรามักจะได้ยินคนพูดถึงการเผาผลาญไขมันจะต้องใช้วิธีการออก กำลังกายแบบเบาๆ ไม่หนักมาก แต่ใช้เวลานานเพื่อผลในการเผาผลาญเปอร์เซนต์ของไขมันที่มากกว่า ความเชื่ออันนี้ถูกต้องเพียงครึ่งเดียว เพราะว่าถ้ามีการออกกำลังกายแบบเบาๆ ประมาณ 40–50% maximum heart rate (ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ซึ่งหาได้จาก 220- อายุ) ร่างกายมีการเผาผลาญไขมันมากกว่าก็จริง แต่ถ้ามองถึงแคลอรีโดยรวมแล้วจะมีการเผาผลาญพลังงานน้อยกว่าการออกกำลังกาย ที่หนัก แถมยังเปลืองเวลากว่าด้วย
เช่น การเดินเร็วๆ 50–60 นาที อาจมีการเผาผลาญแคลอรีประมาณ 250–300 แคลอรี (เปรียบเทียบจากคนที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม) จะเป็นการเผาผลาญแคลอรีจากไขมันประมาณ 120–180 แคลอรี หรือประมาณ 50-60% จากแคลอรีโดยรวม เมื่อเปรียบเทียบกับการออกกำลังกายที่มีความหนัก 65–80% maximum heart rate เช่น การวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 6–7 ไมล์ต่อชั่วโมงในระยะเวลาที่เท่ากันสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ประมาณ 700–800 แคลอรี เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ของการเผาผลาญไขมันอาจอยู่ที่ 30–40% เท่านั้น แต่เมื่อดูถึงปริมาณของแคลอรีที่ใช้ไปจะเผาผลาญพลังงานได้ถึง 210–320 แคลอรี ถ้ามีการออกกำลังกายลักษณะนี้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็สามารถเผาผลาญไขมันได้ ปริมาณใกล้เคียงกับการออกกำลังกายเบาๆ แต่ใช้ระยะเวลานานกว่า
ดังนั้นถ้าร่างกายของเราฟิตและแข็งแรง ดีสามารถออกกำลังกายได้เต็มที่ ก็ควรบริหารร่างกายแบบ aerobic exercise ที่มีความหนักมากๆ ได้เลย ซึ่งจะช่วยเผาผลาญไขมันและแคลอรีโดยรวมได้มากเช่นกัน นอกจากนี้การออกกำลังกายที่หนักยังมีผลทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงาน ต่อเนื่องไปประมาณ 24–48 ชั่วโมงหลังจากออกกำลังกายไปแล้ว ซึ่งการบริหารร่างกายแบบเบาๆ จะไม่เกิดผลเช่นนี้ ถ้าพิจารณาน้ำหนักของไขมันที่ต้องการกำจัดออกไป 1 กิโลกรัมจะต้องมีการเผาผลาญแคลอรีอย่างต่ำประมาณ 7,700 แคลอรี โดยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ ดังนั้นการออกกำลังกายเพื่อช่วยเผาผลาญแคลอรีให้มากอาจจะขึ้นอยู่กับวิธีการ ออกกำลังกายแบบ aerobic exercise ชนิดต่างๆ ดังนี้
  • Interval Training:เป็น วิธีการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา ส่วนใหญ่แล้วจะพบเห็นโปรแกรมลักษณะนี้ในเครื่องออกกำลังกายแบบ cardio ชนิดต่างๆ มีตั้งแต่โปรแกรม interval ธรรมดาไปจนถึงโปรแกรมที่มีลักษณะของความหนักเบาที่แตกต่างกันออกไป เช่น heart rate interval, trail blazer, alpine หรือแม้แต่โปรแกรม fat loss ก็เป็น interval training เช่นเดียวกัน โดยการออกกำลังกายที่มีความหนักสลับเบานี้มีผลทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เพิ่มอัตราการเผาผลาญได้มากขึ้นตาม
  • Circuit Training:ใช้ ได้ทั้งอุปกรณ์ที่เป็นการออกกำลังกายแบบ weight training หรือ cardio machines เพียงอย่างเดียว หรือผสมผสานกันไประหว่างอุปกรณ์ทั้ง 2 แบบ ซึ่งการออกกำลังกายแบบนี้สามารถเผาผลาญได้ตั้งแต่ 10–12 แคลอรีต่อนาทีขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับความหนักของการออกกำลังกายด้วย) การเพิ่ม stations หรือสถานีเข้าไปยิ่งเพิ่มระยะเวลาทั้งหมดในการออกกำลังกาย จะสามารถเพิ่มแคลอรีได้มากขึ้นตาม และสามารถกำหนดให้มีได้ตั้งแต่ 4–12 สถานี ถ้าสถานีไม่มากสามารถทำซ้ำได้ 2–3 รอบ หรือถ้ามีจำนวนสถานีมากอาจทำแค่รอบเดียวก็ได้
  • Body Attack:เป็นแอ โรบิคคลาสที่เพิ่มความทนทานและความแข็งแรงให้กับทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งโปรแกรมหลักของคลาสนี้ก็เป็นลักษณะของ interval training โดยช่วยเผาผลาญแคลอรีได้เป็นอย่างดี ในคลาสนี้เมื่อออกกำลังกายครบ 45 นาทีสามารถเผาผลาญได้ถึง 500–550 แคลอรี
  • Body Pump:การออก กำลังกายลักษณะนี้นอกจากจะช่วยให้ร่างกายกระชับ เพิ่มความแข็งแรง และความทนทานกล้ามเนื้อให้ได้สัดส่วนที่สวยงามแล้ว เนื่องจากคลาสนี้เป็นการยกน้ำหนักในขณะออกกำลังกายแบบแอโรบิค จึงช่วยเผาผลาญแคลอรีได้เป็นอย่างดี
  • RPM หรือ Spinning:เป็น แอโรบิคคลาสที่ใช้การปั่นจักรยาน สามารถเผาผลาญได้มากประมาณ 600–800 แคลอรี ในระยะเวลาประมาณ 45 นาที ถือว่าเป็นคลาสที่ช่วยในการลดไขมันได้เป็นอย่างดี
การเผาผลาญแคลอรีไม่เพียงแต่เกิดจาก การออกกำลังกายเท่านั้น แต่ระหว่างที่คุณทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันก็สามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะเวลาของการทำกิจกรรมนั้น เช่น การล้างรถ ร่างกายจะเผาผลาญประมาณ 112–150 แคลอรี ภายใน 30 นาที ดังนั้นถ้า เราต้องการเพิ่มการเผาผลาญแคลอรีในแต่ละวันให้มากขึ้น ก็ควรเพิ่มหรือทำกิจกรรมในแต่ละวันให้มากขึ้น อย่านั่งเฉยๆ ดูทีวีเพียงอย่างเดียวนะครับ จะได้ช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคภัยต่างๆ มาเบียดเบียนครับ

ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today

เตือนผู้สูงอายุ ทานมากอาจเสียความจำ





นักวิจัยเผย ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่ได้รับแคลอรี่จากทานอาหารเยอะนั้น เสี่ยงสุญเสียความจำได้ง่ายกว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับแคลอรี่ที่พอดีกับร่างกาย  

                    มีผลการศึกษาชี้ว่าผู้สูงอายุที่ได้รับแคลอรี่สูงในแต่ละวันจะมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียความจำ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์ ...
 
                    โดยการศึกษาครั้งนี้ทำให้ผู้สูงอายุในวัย 70-89 ปีที่ไม่มีอาการหลงลืมจำนวน 1,233 ราย และพบผู้สูงอายุที่ได้รับแคลอรี่วันละ 2,143-6,000 แคลอรี่ จะมีความเสี่ยงสูงกว่าครึ่งหนึ่งของผู้สูงอายุที่ได้พลังงาน 600-1,523 แคลอรี่/วัน


                    นักวิจัยจึงแนะนำให้ลดปริมาตรแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับด้วยการรับประทานอาหารลง โดยหันมารับประทานอาหารที่ ดีต่อสุขภาพและย้ำว่าปริมาตรแคลอรี่ต่อวันที่ผู้สูงอายุวัยกว่า 60 ปีควรได้รับ ควรอยู่ที่ 2,010 แคลอรี่สำหรับผู้ชาย และ 1,780 แคลอรี่สำหรับผู้หญิง
ที่มา..108health